'ธุรกิจบริการในเอเชีย'อ่วมหนักจากพิษไวรัสโคโรน่า
ช่วงที่ไวรัสโคโรน่าระบาดหนักและจีนถูกโดดเดี่ยวจากนานาประเทศและมีความกลัวทั่วโลกว่าไวรัสชนิดนี้จะลุกลามจนควบคุมไม่ได้ สถาบันการเงินชั้นนำของสหรัฐได้วิเคราะห์ผลกระทบทางธุรกิจและเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียจากการระบาดครั้งนี้
แบงก์ ออฟ อเมริกา สถาบันการเงินชั้นนำของสหรัฐ นำเสนอรายงานเชื่อ “Asia:The shadow of coronavirus outbreak looms large”ที่ระบุว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่สร้างความปั่นป่วนและวุ่นวายแก่ระบบการคมนาคมขนส่งสาธารณะ การบริโภคของครัวเรือน และทำให้ภาคธุรกิจ สถาบันการเงิน ตลอดจนสถาบันการศึกษาทุกแห่งในจีนต้องเลื่อนเปิดดำเนินการออกไปจนกว่าสถานการณ์แพร่ระบาดจะอยู่ในขั้นพ้นขีดอันตราย ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเติบโตของศรษฐกิจจีน และประเทศอื่นๆในภูมิภาคทั้งทางตรงและทางอ้อม
รายงานฉบับนี้ของแบงก์ ออฟ อเมริกา ระบุว่า การแพร่ระบาดของไวรัสที่มียอดผู้เสียชีวิตและผู้ติดเชื้่อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในจีนและในประเทศอื่นๆอีกประมาณ 23 ประเทศ ที่ทำให้จีนจำเป็นต้องระงับกิจกรรมทางธุรกิจและเศรษฐกิจทั้งหมดเอาไว้ชั่วคราว ทำให้คาดว่าการเติบโตของจีดีพีจีนจะลดลงเหลือ5.0% ในไตรมาส1 ปี2563 พร้อมทั้งคาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยของจีดีพีจีนปี2563จะอยู่ที่ 5.6% ส่วนปี 2564 คาดว่าจะขยายตัว 5.8%
พร้อมทั้งคาดว่าการบริโภคในประเทศจะได้รับผลกระทบหนักสุด และหากสถานการณ์แพร่ระบาดยืดเยื้อและเลวร้ายยิ่งกว่าที่เป็นอยู่ ก็มีโอกาสสูงที่จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการผลิตของจีน
รายงานของแบงก์ ออฟ อเมริกา ยังระบุถึงผลกระทบที่เกิดกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชีย เพราะการไม่เดินทางของชาวจีนทั้งประเทศ ย่อมฉุดรายได้จากการท่องเที่ยวของประเทศต่างๆ อาทิ ฮ่องกง ไทย เวียดนาม ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวัน ยกตัวอย่างเช่น กรณีฮ่องกง ที่เป็นประเทศจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับ1ของนักท่องเที่ยวชาวจีนเมื่อปี 2561 ก่อนที่ฮ่องกงจะมีการชุมนุมประท้วงที่ยืดเยื้อในปี 2562 ตามมาด้วยไทย และเวียดนาม ส่วนชาติเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียเหนือ อาทิ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ก็ได้รับประโยชน์จากการหลั่งไหลเข้ามาของนักท่องเที่ยวชาวจีนด้วยเช่นกัน
นอกจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแล้ว แบงก์ ออฟ อเมริกา ยังคาดการณ์ว่า อัตราการบริโภคในประเทศของทุกประเทศในเอเชียช่วงไตรมาส1 ปี2563 จะปรับตัวลง เนื่องจากการระบาดของไวรัสโคโรนาจะฉุดการใช้จ่ายของผู้บริโภค โดยเฉพาะในธุรกิจการบริการ ยกตัวอย่างเช่น การเดินทางในช่วงเทศกาลตรุษจีน อีกทั้งการแพร่ระบาดของไวรัสนี้ยังทำให้ความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจลดลง และทำให้เกิดกระแสความกลัวด้านการเดินทาง
ในส่วนของไทย แบงก์ ออฟ อเมริกา ระบุว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในจีนจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยโดยตรง เนื่องจากไทย อยู่ในกลุ่มจุดหมายปลายทางประเทศยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากจีนและหากการระบาดยืดเยื้อถึงสองเดือน จะฉุดอัตราการเติบโตของจีดีพีไทยประมาณ 0.3% ในปีนี้
นอกจากนี้ ปัญหาความล่าช้าของการจัดสรรงลประมาณประกอบกับปัญหาภัยแล้งที่ประเทศไทยกำลังเผชิญ แบงก์ ออฟ อเมริกา จึงหั่นตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของจีดีพีไทยปีนี้จาก 2.8% เหลือ 2.2% ซึ่งนอกจากไทยแล้ว สถาบันการเงินชั้นนำของสหรัฐ ยังมองว่า เวียดนามและสิงคโปร์อยู่ในฐานะประเทศที่มีความเปราะบางทางเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน แต่ธนาคารยังไม่ปรับตัวเลขคาดการณ์จีดีพีของสองประเทศนี้
อ่านข่าว
เจาะเรื่องลับ 'ไวรัสโคโรน่า' และอัพเดตข้อมูลที่ต้องรู้!
อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสรุนแรงขึ้น แบงก์ ออฟ อเมริกา คาดการณ์ว่าจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสิงคโปร์ เช่นเดียวกับเมื่อครั้งที่เกิดการระบาดของโรคซาร์สเมื่อปี 2546 สิงคโปร์ เป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบหนักสุดในภูมิภาคอาเซียน ทั้งในส่วนของผู้ติดเชื้อและผลกระทบทางเศรษฐกิจ
รายงานของแบงก์ ออฟ อเมริกา สอดคล้องกับบทวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ ที่ปรับลดเป้าการเติบโตของจีดีพีไทยปีนี้ เพราะวิตกกังวลการระบาดของไวรัสโคโรนา ภัยแล้ง และงบประมาณล่าช้า พร้อมปรับเป้าจีดีพีไทยปีนี้ ลงมาเหลือขยายตัวแค่ 2.3% จาก 2.8%
ด้าน“ไช่ซิน โกลบอล” รายงานว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ในช่วง 7 วันของเทศกาลตรุษจีน ส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคบริการของจีนที่ครอบคลุมธุรกิจร้านอาหาร ท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมภาพยนต์ คิดเป็นมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านหยวน หรือประมาณ 144,000 ล้านดอลลาร์
คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (เอ็นเอชซี) เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในประเทศเพิ่มขึ้นอีก 2,590 ราย และจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก 45 ราย ณ วันเสาร์(1ก.พ.)โดยผู้เสียชีวิตทั้งหมดถูกพบในมณฑลหูเป่ย์
การพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม ทำให้ขณะนี้จำนวนผู้เสียชีวิตเพราะไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในจีนเพิ่มเป็น 304 ราย ส่วนผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น14,380 ราย
จำนวนผู้เสียชีวิตและผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่จีนถูกโดดเดี่ยวจากประชาคมโลกมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากประเทศต่างๆพากันคุมเข้มด้านการเดินทางของชาวจีนที่จะเข้าประเทศ แม้ว่าองค์การอนามัยโลก(ดับบลิวเอชโอ)จะออกประกาศคำแนะนำเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ออกมาและย้ำว่าขณะนี้ยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะจำกัดการค้าขายหรือการเดินทางไปยังประเทศจีน
ผู้จัดการภัตตาคารแห่งหนึ่งในกวางโจว เปิดเผยกับไช่ซิน ว่า ตามปกติแล้วภัตตาคารจะทำยอดขายได้เฉลี่ยวันละ 500,000 หยวนในช่วงเทศกาลตรุษจีนแต่ปีนี้ ภัตตาคารสูญเสียรายได้ไปหลายล้านหยวน
ส่วน“ไห่ตี้เหลา”เชนชาบูหม่าล่า ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในจีน มีต้นกำเนิดมาจากจังหวัดเฉิงตู มณฑลเสฉวน ปิดร้านทุกแห่งในจีนในช่วงที่ไวรัสชนิดนี้ระบาดไปจนถึงปลายเดือนมิ.ย. โดยเชนชาบูแห่งนี้มีร้านจำนวน 550 แห่งใน 116 เมืองในจีนแผ่นดินใหญ่ เช่นเดียวกับ จิวเหมาจิว กรุ๊ป เชนภัตตาคารซึ่งจดทะเบียนที่ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ก็ตัดสินใจปิดร้านกว่า300 แห่งไปจนถึงวันที่ 9 ก.พ.