แจงยิบ! ดราม่า 'หมอจีน' ใช้สูตรยาคู่รักษา 'ไวรัสโคโรน่า' ก่อนไทย

แจงยิบ! ดราม่า 'หมอจีน' ใช้สูตรยาคู่รักษา 'ไวรัสโคโรน่า' ก่อนไทย

ผู้ป่วยติดไวรัสโคโรน่า 2019 เตรียมออกจากรพ.อีก 4 ราย ส่วน 7 ราย อาการดีขึ้นตามลำดับ อนุทินระบุสถานที่ดูแลคนไทยกลับจากอู่ฮั่นพร้อม ขอไม่เปิดเผย ยืนยันปลอดภัยไม่แพร่เชื้อ แจงกรณีสูตรยาราชวิถี ย้ำแพทย์ไทยตัดสินใจใช้ยา 2 กลุ่ม รักษาก่อนรายงานจีนเผยแพร่

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 3 ก.พ. 2563 ที่โรงพยาบาล(รพ.)ราชวิถี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมว.สธ.) กล่าวภายหลังเข้าเยี่ยมให้กำลังใจบุคลากรโรงพยาบาลราชวิถี ที่ดูแลผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ว่า ขณะนี้ประเทศไทยยังพบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไวรัสโคโรน่า2019 จำนวน 19 ราย ในจำนวนนี้หายและออกจากโรงพยาบาลแล้ว 8 ราย แพทย์กำลังจะให้ออกจากโรงพยาบาลอีก 4 ราย ส่วนอีก 7 ราย อาการดีขึ้นตามลำดับ

“การรักษาผู้ป่วยที่มีทั้งรักษาตามอาการ และเน้นให้ยาแรงในบางราย ทุกรายอาการดีขึ้นโดยลำดับ หลายรายหายป่วยกลับบ้านแล้ว และกรณีคนเสียชีวิตที่รายงานทั่วโลก หลายรายอาจไม่ได้ตายโดยตรงจากไวรัสโคโรนา แต่มาจากโรคแทรกที่ทำให้ร่างกายไม่สามารถทนต่อไวรัสได้ อย่าเพิ่งตื่นตระหนกเกินเหตุ ประเทศไทยดูแลอย่างใกล้ชิดเต็มที่ คัดแยกอย่างดี ผู้ใกล้ชิดผู้ป่วย แพทย์พยาบาลที่ดูแลสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย ต้องมารับการตรวจเชื้อ จนกว่าจะประกาศว่าปลอดภัย”นายอนุทินกล่าว

นายอนุทิน กล่าวถึงการรับคนไทยกลับจากเมืองอู่ฮั่นว่า ทีมแพทย์จะเดินทางไปด้วย 2 ทีม โดยหัวหน้าทีมคือผู้อำนวยการสถาบันบำราศนราดูร แพทย์ที่ร่วมเดินทางมีมีทั้งแพทย์ ฉุกเฉิน แพทย์ระบาด จิตแพทย์ เพื่อไปดูปลอบขวัญคนไทย และแพทย์จากเหล่าทัพ น่าจะเป็นจากรพ.พระมงกุฏ กรมแพทย์ทหารบกอีก 2 ท่าน ตามนโยบายนายกรัฐมนตรีที่บูรณาการกำลังดูแลคนไทย พร้อมด้วยเวชภัณฑ์


“เมื่อเดินทางถึงประเทศไทย ได้มีการเตรียมสถานที่ในการดูแล เฝ้าระวัง ควบคุมโรคตามมาตรฐานไว้แล้ว แต่คงไม่เปิดเผยเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย เบื้องต้นถ้าสภาพร่างกายไม่มีผู้ใดที่เจ็บป่วย ก็ให้อยู่ด้วยกัน มีห้องพัก ห้องแยก ห้องรวม ขอให้เป็นเรื่องของแพทย์ แต่รับ ประกันได้ จะไม่มีคนไหนแพร่เชื้อที่ไม่พึงประสงค์ออกมาภายนอกอย่างแน่นอน”นายอนุทิน

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า กรณีที่แพทย์รพ.ราชวิถีทำการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อนี้ที่มีอาการรุนแรง ก็ทำเป็นการรายงานการรักษาผู้ป่วย(เคส รีพอร์ต)เกี่ยวกับวิธีการรักษาของแพทย์ 2 ท่าน ซึ่งให้การรักษาโดยใช้ยาขนานที่เหมาะสมกับอาการผู้ป่วย แล้วได้ผลลดีและฟื้นตัวได้เร็วกว่าที่คาดการณ์ ซึ่งผู้ป่วยชาวจีนที่ส่งตัวมาจากโรงพยาบาลในอำเภอหัวหินและแพทย์โรงพยาบาลราชวิถีให้การรักษานั้น เป็นผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงมากที่สุดในผู้ป่วยที่เจอในไทยทั้ง 19 คน แพทย์ได้มีการใช้ยารักษาในขนานที่แรงขึ้น และมีผลในเชิงบวก นี่คือวิธีรักษาจากประสบการณ์ ความชำนาญ ใช้ความรู้ทางการแพทย์เป็นหลัก แล้วทำเป็นเคสรีพอร์ต จะไม่กล่าวว่านี่คือทฤษฎีที่จะสามารถอ้างอิงได้ แต่จะทำเป็นเคสรีพอร์ตให้สถาบันทางการแพทย์ สถาบันวิจัยต่างๆ นำสถิติข้อมูลผลการรักษานี้ไปหาข้อเท็จจริงให้มากที่สุด โดยหวังว่าวันหนึ่งวิธีการรักษานี้จะทำให้ผู้ป่วยหายได้ทุกรายตามขนานยาที่ให้นี้ ก็จะเป็นคุณูปการต่อโลกไม่ใช่ประเทศเรา

“หวังว่าขนานยาที่แพทย์ทั้งสองท่าน ได้ช่วยกันทุ่มเทรักษาคนไข้ให้ดีขึ้น หากขนานยานี้เป็นที่เชื่อถือ พิสูจน์ได้ว่า มีผลต่อการรักษาไวรัสโคโรนา 2019 ก็น่าจะเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อคนป่วยทุกคนในโลกใบนี้ ถ้าทำได้มาตรฐานการสาธารณสุขและการแพทย์ของไทยน่าจะเป็นที่ชื่นชมและน่านับถือของนานาประเทศ และเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อวงการแพทย์และสาธารณสุขไทย”นายอนุทินกล่าว

นายแพทย์เกรียงศักดิ์ อติพรวณิช อายุรแพทย์โรคปอด นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ รพ.ราชวิถี กล่าวว่า ขณะนี้อาการผู้ป่วยที่เป็นชาวจีนมาจากเมืองอู่ฮั่น อาการดีขึ้น เอกซเรย์ปอดดีขึ้นชัดเจน อาการดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังไม่ใช่หาย ผลตรวจหาเชื้อจากเยื่อบุโพรงจมูกจากบวกกลายเป็นลบ ส่วนอีกรายหนึ่งอาการดีขึ้นมาก อยู่ระหว่างรอการตรวจเชื้อ หากไม่เจอ 2 ครั้ง ใน 2 วัน จะอนุญาตให้กลับบ้าน

ด้านนายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า เชื้อไวรัสนี้เป็นโรคติดต่ออุบัติใหม่เกิดขึ้นมาไม่ถึง 2 เดือน ขณะนี้ยังไม่มีวิธีการรักษามาตรฐาน ส่วนใหญ่เป็นการรายงานกรณีการรักษาผู้ป่วย ซึ่งในช่วงแรกที่ประเทศจีนรายงานออกมาในผู้ป่วย 40 กว่าคน ระบุให้เฉพาะยาต้านไวรัสเอชไอวี ประเทศไทยจึงใช้ยาต้านเอชไอวีเหมือนกัน โดยรายที่โรงพยาบาลราชวิถีรับการส่งต่อมาจากโรงพยาบาลในอำเภอหัวหิน อาการไม่ค่อยดี แพทย์ 2 ท่านของโรงพยาบาลก็ทำการศึกษาว่า นอกจากให้ยาต้านไวรัสเอชไอวีที่จะไปช่วยยับยั้งการขยายตัวของไวรัสในเซลล์แล้ว แต่หากไวรัสยังเข้าไปในเลือดได้อยู่ก็ไม่ดี ขณะที่ยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่โอเซลทามิเวียร์ จะเป็นการลดทอนทำให้เชื้อไม่เข้าเซลล์ จึงตัดสินใจให้การรักษาโดยใช้ยานี้ร่วมกับยาต้านไวรัสเอชไอวี โดยรายงานของจีนตอนนั้นเป็นการให้ยาต้านไวรัสเอชไอวีในขนาด ครั้งละ 1 เม็ด วันละ 2 เวลา


“บังเอิญรายงานครั้งที่ 2 ของประเทศจีนตีพิมพ์ว่ามีการใช้ยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่โอเซลทามิเวียร์ร่วมกับยาต้านไวรัสเอชไอวีในวันที่ 29 มกราคม 2563 ขณะที่แพทย์โรงพยาบาลราชวิถีได้ตัดสินใจใช้ยา 2 กลุ่มนี้ร่วมกันตั้งแต่ในวันแรกที่รับคนไข้ตรงกับวันที่ 29 มกราคม 2563เช่นกัน ซึ่งในประเทศจีนมีการใช้ยาร่วมกันก่อนไทยจริงในขนาดการให้ยาทั้ง 2 กลุ่มเหมือนกัน คือ ครั้งละ 1 เม็ด วันละ 2 เวลา แต่ตอนที่แพทย์ไทยตัดสินใจใช้ยาควบคู่กันนี้ยังไม่มีรายงานฉบับนี้ของจีนออกมา และแพทย์ไทยใช้ในขนาดที่สูงกว่าคือครั้งละ 2 เม็ดวันละ 2 เวลา แพทย์จีนกับแพทย์ไทยคิดคล้ายกัน แต่แพทย์ไทยใช้ขนาดที่คูณ2จากขนาดที่จีนใช้เพราะผู้ป่วยอาการหนัก “นายแพทย์สมศักดิ์กล่าว
เตือนอย่าซื้อยาใช้เอง


นายแพทย์พจน์ อินทลาภาพร หัวหน้าานโรคติดเชื้อ กลุ่มงานอายุรศาสตร์ โรงพยาบาลราชวิถี กล่าวว่า ยาต้านไวรัสเอชไอวีใช้ในผู้ป่วยเอดส์ที่ดื้อยา เป็นยาอันตราย ประชาชนไม่ควรไปหาซื้อมาใช้เองไม่ว่าจะเป็นวัตถุประสงค์เพื่อป้องกีนหรือรักษาใดๆก็ตาม เพราะมีผลข้างเคียงมาก ผ่านตับจะลดการขับยาอื่นที่ตับ และจะมีอันตรายหากใช้ร่วมกับยาอื่น เช่น ยาลดไขมัน ยารักษาสิว ถ้าให้ร่วมกันผลข้างเคียงจะมากขึ้นและอันตราย จะต้องใช้โดยการสั่งจ่ายของแพทย์