'สภากาชาดไทย' ปรับ 5 เกณฑ์รับบริจาคเลือด สกัดเชื้อไวรัสโคโรน่า
“สภากาชาดไทย” ปรับ 5 เกณฑ์รับบริจาคเลือด สกัดเชื้อไวรัสโคโรน่า
รศ.พญ.ดุจใจ ชัยวานิชศิริ ผอ.ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การระบาดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 พบผู้ป่วยยืนยันการได้รับเชื้อจากต่างประเทศ พักรักษาอาการที่โรงพยาบาลในประเทศไทย อีกทั้งมีการยืนยันแล้วว่าการแพร่เชื้อสามารถติดต่อจากมนุษย์สู่มนุษย์ได้จากการสัมผัสผู้ติดเชื้อ ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้รับบริจาคโลหิตจากผู้ที่มีความเสี่ยงการได้รับเชื้อไปสู่ผู้ป่วย ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติฯ จึงกำหนดมาตรการป้องกันการถ่ายทอดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ฯ ทางโลหิต โดยให้ผู้บริจาคโลหิตรายเก่า หรือผู้บริจาคโลหิตรายใหม่ได้คัดกรองตนเองก่อนบริจาคโลหิต ดังนี้
1. ผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่ 2019 งดรับบริจาคโลหิต 14 วัน
2. ผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ฯ หลังจากได้รับการรักษาจนหายดีให้งดบริจาคโลหิตเป็นเวลา 4 สัปดาห์
3. ผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ฯ งดบริจาคโลหิตเป็นเวลา 4 สัปดาห์
4. ภายใน 14 วันหลังบริจาคโลหิต หากผู้บริจาคโลหิตได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ฯ ให้รีบแจ้งหน่วยงานที่รับบริจาคโลหิตทราบทันที
5.ผู้บริจาคโลหิตจะต้องตอบคำถามสุขภาพตัวเอง โดยให้ข้อมูลตรงตามความเป็นจริง
ทั้งนี้ เพื่อให้งานบริการโลหิตของประเทศไทย มีคุณภาพปลอดภัยตามมาตรฐาน ถึงแม้ว่าโลหิตที่ได้รับจากการบริจาคทุกยูนิต จะต้องผ่านกระบวนการตรวจคัดกรองในห้องปฏิบัติการ และนำไปปั่นแยกเป็นส่วนประกอบโลหิต ได้แก่ เกล็ดเลือด เม็ดเลือดแดง และพลาสมา ตามประเภทความต้องการใช้ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ป่วย
ในส่วนกลางกรุงเทพมหานคร บริจาคโลหิตได้ที่ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ถนนอังรีดูนังต์ และ ศูนย์รับบริจาคโลหิตและพลาสมา สถานีกาชาด 11 วิเศษนิยม (บางแค) ในส่วนภูมิภาค บริจาคโลหิตได้ที่ ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ และงานบริการโลหิต รวม 13 แห่ง ได้แก่ ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ จังหวัดลพบุรี ชลบุรี ราชบุรี นครราชสีมา ขอนแก่น อุบลราชธานี นครสวรรค์ พิษณุโลก เชียงใหม่ นครศรีธรรมราช (ทุ่งสง) สงขลา ภูเก็ต และงานบริการโลหิต สถานีกาชาดหัวหินเฉลิมพระเกียรติ จ.ประจวบคีรีขันธ์