ทำไม ‘ชินชอนจี’ ตกเป็นเป้าในวิกฤติ ‘โควิด-19’ เกาหลีใต้
ขณะนี้ เกาหลีใต้กลายเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ หรือโรคโควิด-19 มากที่สุดนอกประเทศจีน โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในเมืองแทกู ซึ่งเป็นที่ตั้งของลัทธิชื่อ “ชินชอนจี” ที่ทางการสงสัยว่าเป็นต้นตอของการระบาดที่กำลังลุกลามไปทั่วประเทศ
ชินชอนจี เป็นกลุ่มศาสนาที่มีเครือข่ายกว้างขวางและที่สำคัญ “มั่งคั่งมาก” ขนาดที่ว่าสามารถระดมสาวกหลายพันคนของตนไปจัดพิธีกรรมหมู่สไตล์เปียงยางภายในสนามกีฬาโอลิมปิกในกรุงโซลได้อย่างสบาย ๆ
ในขณะที่จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ในเกาหลีใต้ทะลุ 2,300 คนไปแล้ว (นับถึงวันที่ 28 ก.พ.) สิ่งที่ยืนยันได้ว่า ลัทธิชินชอนจี มีส่วนรับผิดชอบมากที่สุดต่อการระบาดทั่วประเทศ นั่นคือจำนวนผู้ติดเชื้อกว่า 1,600 จากทั้งหมด ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับสาวกลัทธินี้
- วิหารแห่งพระเจ้า
ชินชอนจี หรือชื่อเต็มว่า “Shincheonji Church of Jesus the Temple of the Tabernacle of the Testimony” ก่อตั้งเมื่อปี 2527 โดยเจ้าลัทธิชื่อว่า “ลี มัน-ฮี” ซึ่งปัจจุบันอายุ 88 ปีแล้ว
แม้ลียังสุขภาพแข็งแรงดี ท่ามกลางข้อครหาที่ว่า ชินชอนจีคือต้นตอของวิกฤติโรคโควิด-19 ในเกาหลีใต้ แต่สัปดาห์ที่แล้ว เขาแสดงความเห็นต่อการระบาดของไวรัสมรณะนี้ ด้วยการส่งข้อความผ่านแอพพลิเคชั่นถึงเหล่าสาวกของตนว่า “การระบาดของไวรัสครั้งนี้เป็นการกระทำของปิศาจร้าย เพื่อขัดขวางการเติบโตของชินชอนจี”
- ลี มัน-ฮี เจ้าลัทธิชาวเกาหลี ที่เหล่าสาวกยกย่องให้เป็น "เมสสิอาห์" -
ชินชอนจี ซึ่งมักถูกคนนอกประณามว่าเป็นลัทธินอกรีต ประกาศบนเว็บไซต์โดยอ้างว่าเป็น “อาณาจักรและวิหารเพียงหนึ่งเดียวของพระเจ้าบนโลกใบนี้” พร้อมให้คำมั่นว่าจะน้อมรับพระประสงค์ของพระเยซู “ด้วยการสละร่างกายของตนดั่งเทียนไข”
ลัทธินี้สรรเสริญยกย่องลีว่าเป็น “ผู้รับบัญชาจากพระเยซู” และผู้ที่จะนำพาสาวกราว 144,000 คนไปสรวงสวรรค์พร้อมกับเขาในวันพิพากษาโลก
อย่างไรก็ตาม ด้วยความเชื่อที่ว่าจำนวนสมาชิกชินชอนจีมีมากกว่าที่ว่างบนสวรรค์ พวกเขาจึงต้องแข่งขันกันเพื่อชิงพื้นที่บนสวรรค์ให้ตัวเองและประกอบพิธีกรรมอย่างเคร่งครัด
นอกจากนี้ ชินชอนจียังหาสมาชิกใหม่อย่างลับ ๆ ด้วยการส่งสาวกของตนไปแฝงตัวในโบสถ์นิกายโปรเตสแตนต์ซึ่งเป็นกลุ่มชาวคริสต์ส่วนใหญ่ เพื่อชักจูงให้พวกเขาย้ายมาเข้าลัทธิเดียวกัน แต่สุดท้ายกลยุทธ์นี้ทำให้โบสถ์คริสต์หลายแห่งต้องประกาศเตือนศาสนิกชนของตนให้อยู่ห่างจากสาวกเหล่านี้
- คุณป้า หมายเลข 31
ลัทธิชินชอนจี มีกฎเหล็กห้ามไม่ให้สมาชิกสวมแว่นตา สร้อยคอ และต่างหู ขณะประกอบพิธีกรรม พวกเขาจะนั่งเคียงข้างกันบนพื้นที่ปราศจากเก้าอี้และโต๊ะ พร้อมกับสวดภาวนาสุดเสียง ซึ่งเป็นการกระทำที่นักวิจารณ์บอกว่า ทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการแพร่กระจายเชื้อไวรัส
นอกจากนี้ การระบาดของโควิด-19 ในหมู่สาวกชินชอนจี เริ่มมาจากผู้ป่วยรายที่ 31 ในเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นสมาชิกหญิงวัย 61 ปี เธอเป็นไข้ตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ. แต่ยังเข้าร่วมพิธีกรรมในโบสถ์อย่างน้อย 4 แห่งในเมืองแทกู ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดอันดับ 4 ของเกาหลีใต้และศูนย์กลางการระบาดของโควิด-19 ในประเทศ ก่อนที่เธอจะถูกตรวจพบเชื้อไวรัสมรณะในภายหลัง
และการกระทำของสาวกหญิงรายนี้ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้โควิด-19 ลุกลามไปทั่วประเทศในขณะนี้
- ขยายสาขาทั่วโลก
หลายวันหลังเกิดกระแสไม่พอใจหนักขึ้นในสังคม ชินชอนจีก็ยอมส่งรายชื่อสมาชิกของตน 212,000 คนให้กับทางการ เพื่อให้สามารถตรวจเช็คอาการป่วยโรคโควิด-19
อย่างไรก็ตาม สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ลัทธิดังกล่าวเคยอวดอ้างว่ามีสมาชิก 240,000 คน ทำให้เกิดข้อกังขาอีกว่ารายชื่อสมาชิกที่ส่งให้กับทางการตรงตามความเป็นจริงหรือไม่
ชินชอนจีมีเครือข่ายกว้างขวาง โดยปัจจุบันมีสาขาอยู่ 12 แห่งในเกาหลีใต้ ซึ่งเรียกว่า “12 เผ่าชน” (12 Tribes) ซึ่งแต่ละสาขาจะตั้งชื่อตามสาวกแต่ละคนของพระเยซู
ลัทธิดังกล่าวประกาศบนเว็บไซต์ว่า มีศูนย์ในต่างประเทศอีก 15 ประเทศทั่วโลก รวมถึงจีนและสหรัฐ และมีบาทหลวงหลายร้อยองค์ยอมสละการถือบวชของตนเพื่อร่วมเป็นสมาชิกกลุ่ม
- เน้นจัดงานยิ่งใหญ่
ชินชอนจียังประสบความสำเร็จอย่างมากในการระดมสาวกจำนวนหลายพันคน เพื่อจัดงานแสดงสุดยิ่งใหญ่ในสถานที่อันโด่งดัง เช่น สนามกีฬาจัมซิลในกรุงโซลเมื่อปี 2555 ซึ่งเคยใช้จัดการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ในปี 2531
ในครั้งนั้น เหล่านักแสดงหลายร้อยชีวิตร่วมกันแสดงละครที่อิงคำสอนจากพระคัมภีร์ไบเบิลในสนามฟุตบอล ตามมาด้วยการแปรอักษรหลากสีสันโดยเหล่าสาวกชินชอนจีหลายพันคน ทำให้เกิดภาพเบื้องหลังสุดอลังการของคลื่นมหาชนทั่วอัฒจรรย์สนามกีฬาแห่งนี้