สหรัฐเผย ‘ยังไม่ถึงเวลา’ แนะอเมริกันสวมหน้ากากอนามัยกันโควิด

ดร.แอนโทนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อสหรัฐ เผยกับเว็บไซต์ซีเอ็นเอ็นว่า การรณรงค์ให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยเป็นวิธีที่ประเทศอื่น ๆ ปรับใช้ และได้ผลพอสมควร ซึ่งขณะนี้ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (ซีดีซี) กำลังพิจารณาแนวทางดังกล่าวอย่างจริงจัง

ส่วนคณะทำงานของทำเนียบขาวก็เตรียมที่จะหารือประเด็นดังกล่าวในวันนี้ (1 เม.ย.) ตามเวลาสหรัฐ

“ประเด็นคือ เราต้องมั่นใจว่าหน้ากากจะมีเพียงพอสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ที่จำเป็นต้องใช้จริง ๆ” ดร.เฟาซี ให้สัมภาษณ์

สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ชาวอเมริกันเริ่มหันมาสวมหน้ากากอนามัยทางการแพทย์, หน้ากากผ้าฝ้าย หรือแม้กระทั่งหน้ากากที่ทำขึ้นเอง ขณะออกจากบ้านไปยืดเส้นยืดสายหรือซื้อสินค้าต่าง ๆ

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขซึ่งต้องดูแลผู้ป่วยที่อยู่ในระยะแพร่เชื้อกำลังประสบปัญหาขาดแคลนอุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากาก N95 และหน้ากากอนามัยทางการแพทย์

ดร.เฟาซี ระบุว่า หากสหรัฐมีหน้ากากอนามัยเพียงพอต่อความต้องการเมื่อใด จะมีการพิจารณาออกคำแนะนำให้ประชาชนหันมาสวมหน้ากากอนามัยด้วย

“เวลานี้ เรายังไปไม่ถึงจุดนั้น แต่ผมเชื่อว่าเราอาจต้องตัดสินใจในเร็ว ๆ นี้ เนื่องจากปฏิเสธไม่ได้ว่า หากใครก็ตามที่อาจจะป่วยหรือไม่ป่วย แต่ต้องการปกป้องผู้อื่นไม่ให้ติดเชื้อ วิธีหนึ่งที่ดีที่สุดคือ การสวมหน้ากากอนามัย”

แนวคิดที่จะให้ชาวอเมริกันสวมหน้ากากอนามัยอย่างแพร่หลาย เป็นเพราะประชาชนบางส่วนอาจไม่รู้ว่าตัวเองติดเชื้อและกำลังแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นอยู่ เนื่องจากไม่มีอาการ หรือยังไม่เริ่มแสดงอาการป่วย

อย่างไรก็ดี นพ.เจอโรม อดัมส์ ศัลยแพทย์ใหญ่แห่งสหรัฐ เตือนว่า การสวมหน้ากากอนามัยอาจไม่ช่วยปกป้องผู้คนจากการติดเชื้อ และยิ่งเพิ่มความเสี่ยงมากขึ้นไปอีก เนื่องจากคนส่วนใหญ่มักเอามือมาสัมผัสใบหน้าเพื่อขยับหน้ากากอยู่บ่อย ๆ

“ถ้าใช้หน้ากากไม่ถูกวิธีจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ และทำให้คุณหลงคิดว่าตัวเองปลอดภัย” นพ.อดัมส์ เผยกับฟ็อกซ์นิวส์

ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ แนะนำวานนี้ (31 มี.ค.) ให้ประชาชนใช้ “ผ้าพันคอ” ปิดจมูกแทน เพื่อเก็บหน้ากากอนามัยไว้สำหรับแพทย์และพยาบาล

“ใช้ผ้าพันคอถ้าคุณต้องการ ดีกว่าออกไปหาซื้อหน้ากากอนามัย” นายทรัมป์ แถลงที่ทำเนียบขาว