หนีกักตัวสกัดโควิด-19 'สุวรรณภูมิ' เจอคุก อายุความ10ปี
สธ.ลั่นคนฝ่าฝืนคำสั่งที่สุวรรณภูมิ หนีกักตัว ในการป้องกันการแพร่โควิด-19 ตามกฎหมายโรคติดต่อ ถือว่ามีความผิด มีโทษจำคุก 1 ปี -ปรับ 1 แสนบาท อายุความ 10 ปี
จากกรณีที่มีคนไทยผู้เดินทางมาจากต่างประเทศเข้ามายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประเทศไทย แล้วเจ้าพนักงานมีคำสั่งให้กักตัวยังสถานที่ที่รัฐจัดไว้ ซี่งเป็นมาตรการของการลดแพร่โควิด-19ในประเทศไทย แต่ได้รับการปฏิเสธจากกลุ่มคนดังกล่าวนั้น และมีการหนีกักตัวไปจำนวน 152 คนจากทั้งหมด 158 คนนั้น
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 4 เมษายน 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข ในการแถลงข่าวสถานการณ์โรคโควิด-19 นายแพทย์ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค(คร.) กล่าวถึงกรณีคนไทยที่กลับจากต่างประเทศและหนีกักตัวตามคำสั่งของเจ้าพนักงานที่สนามบินสุวรรณภูมิและศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019(COVID-19)หรือศบค.มีคำสั่งให้รายงานตัวภายในเวลา 18.00 น. วันที่ 4 เมษายน 2563 ว่า ผู้ที่ฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานที่สั่งให้กักตัว จะมีความผิดตามพรบ.โรคติดต่อ พ.ศ.2563 โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมีอายุความ 10 ปี
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะต้องเป็นคนที่เดินทางกลับมาจากประเทศที่มีการประกาศเป็นเขตติดโรคเท่านั้นหรือไม่ที่จะมีความผิดหากฝ่าฝืนคำสั่งและหนีกักตัว นายแพทย์ธนรักษ์ กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์โรคทั่วโลกมีประเทศที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19จำนวนมาก ดังนั้น ผู้ที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยทุกคนจากทุกประเทศ ไม่เฉพาะประเทศที่เป็นเขตติดโรคเท่านั้น จะต้องกักตัวเองเป็นเวลา 14 วันทั้งหมด เพียงแต่บางคนนั้นเจ้าพนักงานอาจจะพิจารณาให้กักตัวที่บ้านได้ หรือบางคนบางกลุ่มจะพิจารณาจะต้องกักตัวในสถานที่ที่รัฐจัดไว้เป็นการเฉพาะ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของเจ้าพนักงานควบคุมโรคที่ด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศ
“ผู้ที่หนีกักตัวตามคำสั่งของเจ้าพนักงานไป หากไม่มารายงานตัวภายใน 18.00น. ของวันที่ 4 เมษายน 2563 ตามคำสั่งของศบค.น่าจะเป็นกลุ่มแรกๆที่จะโดนพิจารณาโทษ ซึ่งอยากให้เข้าใจว่าผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศเข้ามาประเทศไทยนั้นมี 2 ทางเลือก คือ กักตัวตามคำสั่งของเจ้าพนักงาน หรือกักตัวแล้วถูกดำเนินคดีด้วย เพราะแม้จะหนีกักตัว แต่เจ้าหน้าที่ก็สามารถติดตามกลับมาเพื่อบังคับให้กักตัวได้ แต่ท่านก็จะมีความผิดติดตัวด้วยเพราะถือว่ามีการหนีกักตัวไปแล้ว”นายแพทย์ธนรักษ์กล่าว
รายใหม่ 1ใน4 ติดจากตปท.
นายแพทย์ธนรักษ์ กล่าวถึงสถานการณ์โควิด-19 4 เมษายน 2563 ว่า มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้น 89 ราย รักษาหายกลับบ้านได้เพิ่ม 31 ราย เสียชีวิต 1 ราย เป็นชายไทย อายุ 72 ปี มีประวัติโรคประจำตัวเป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เข้ารับการรักษาที่สถาบันโรคทรวงอก ขณะมีผู้ป่วยยืนยันสะสม 2,067 ราย กลับบ้านแล้วรวม 612 ราย เสียชีวิต 20 ราย และรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 1,432 ราย
นายแพทย์ธนรักษ์ กล่าวอีกว่า หากพิจารณาจากผู้ป่วยรายใหม่ในวันนี้ที่ต่ำกว่า 100 ราย หลังจากที่อยู่ในระดับมากกว่า 100 รายมาหลายวัน ซึ่งในกลุ่มผู้ติดเชื้อรายใหม่ 89 ราย เป็นกลุ่มคนที่เดินทางกลับจากต่างประเทศถึง 21 ราย โดยเป็นคนไทยกลับจากต่างประเทศ 18 ราย และเป็นต่างชาติ 3 ราย จะเห็นว่าผู้ป่วยรายใหม่ 1 ใน 4 เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ เพราะฉะนั้น ใครที่เดินทางมาจากต่างประเทศ รัฐจะมีมาตรการเข้มขึ้นในการรับไว้สังเกตอาการ จึงขอให้ประชาชนร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการของรัฐด้วย เพราะเมื่อท่านกลับมาจากต่างประเทศและเสี่ยงที่จะติดโรคนั้น คนที่เสี่ยงที่สุดที่จะติดโรคจากท่านคือคนในครอบครัว หรือคนใกล้ชิด