ไทยสั่งซื้อ 'ยาฟาวิพิราเวียร์' จากญี่ปุ่น-จีน รวมกว่า 2.87 แสนเม็ด
รัฐบาลมอบสธ. จัดหา "ยาฟาวิพิราเวียร์" จากญี่ปุ่นและจีน รวมแล้วกว่า 2.87 แสนเม็ด กระจายให้กับโรงพยาบาลในเขตกรุงเทพและปริมณฑล และ 12 เขตสุขภาพ รักษาผู้ป่วยโควิด-19 พร้อมตั้งเป้าสำรองไว้ 3.5 แสนเม็ด สำหรับ 2 เดือน และจะจัดหาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง
เมื่อวันที่ 5 เม.ย.63 นายแพทย์วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยมอบให้กระทรวงสาธารณสุข จัดหายาฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) ซึ่งเป็นยาสำคัญสำหรับผู้ติดเชื้อโควิด -19 มีแหล่งผลิตอยู่ 2 แหล่งหลัก คือญี่ปุ่นเจ้าของลิขสิทธิ์และจีน ซึ่งได้รับลิขสิทธิ์จากญี่ปุ่น รวมได้รับยามาแล้ว 87,000 เม็ด โดยเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2563 กรมควบคุมโรคได้นำเข้ายาจากประเทศญี่ปุ่นจำนวน 5,000 เม็ด เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2563 รัฐบาลจีนได้บริจาคให้รัฐบาลไทย จำนวน 2,000 เม็ด, เมื่อ 12 มีนาคม 2563 กรมควบคุมโรคนำเข้ายาจากประเทศญี่ปุ่นจำนวน 40,000 เม็ด ส่งมอบให้สถาบันบำราศนราดูร ,กรมการแพทย์ ,โรงพยาบาล ใน 12 เขตสุขภาพแล้ว และเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2563 องค์การเภสัชกรรมได้จัดซื้อจากญี่ปุ่น 40,000 เม็ด ส่งให้โรงพยาบาลราชวิถี 18,000 เม็ด เพื่อกระจายให้กับโรงพยาบาลในเขตกรุงเทพและปริมณฑล และ 12 เขตสุขภาพ จำนวน 18,000 เม็ด เพื่อจัดสรรให้กับโรงพยาบาลศูนย์ทั่วประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน เหลือไว้สำรองอีก 4,000 เม็ด สำหรับจัดสรรกรณีจำเป็นเร่งด่วน
ปัจจุบันได้มีการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ กับผู้ป่วยแล้ว จำนวน 515 ราย ใช้ไปแล้ว 48,875 เม็ด เหลืออยู่ 38,126 เม็ด สามารถมีใช้ได้อย่างต่อเนื่องอีก 4-5 เดือน ล่าสุดเมื่อปลายเดือนมีนาคม 2563 องค์การเภสัชกรรม ได้สั่งซื้อจากจีนและญี่ปุ่นเพิ่ม 200,000 เม็ด โดยจะมีการจัดส่งยาภายในเดือนเมษายนนี้ รวมแล้ว 287,000 เม็ด ตั้งเป้าสำรองใช้ในประเทศจำนวน 3.5 แสนเม็ด ขั้นต้นสำหรับ 2 เดือน (เมษายน-พฤษภาคม 2563) และจะมีการสั่งซื้อเพื่อสำรองเพิ่มอย่างต่อเนื่อง
“การจัดหายาต้านไวรัสในครั้งนี้ มีความยากลำบากเนื่องจากเป็นที่ต้องการของทุกประเทศ ต้องใช้การดำเนินการทุกวิถีทาง ทั้งการเจรจาผ่านสถานทูตญี่ปุ่นและจีน ทั้งในแง่ของการซื้อและบริจาคมาโดยตลอด โดยไม่รอรับการบริจาคเพียงอย่างเดียว เพื่อสวัสดิภาพ ความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนชาวไทย ส่วนกรณีข่าวญี่ปุ่นจะบริจาคยาให้ 30 ประเทศนั้น อยู่ระหว่างการประสานงาน เบื้องต้นทราบว่าทางการญี่ปุ่นจะสนับสนุนสำหรับเป็นโครงการวิจัยในโรงเรียนแพทย์ ทั้งนี้หากประเทศใดต้องการบริจาคยา ประเทศไทยยินดีรับการสนับสนุน เพื่อให้มียาช่วยรักษาชีวิตของประชาชนชาวไทยอย่างเร่งด่วน” นายแพทย์วิฑูรย์ กล่าว