จับตา! ‘อริยะ พนมยงค์’ ทิ้งเก้าอี้แม่ทัพ ช่อง3
แรงกระเพื่อมช่อง 3 ยังมีต่อเนื่อง หลัง "ประชุม มาลีนนท์" ลาออกจากตำแหน่ง "กรรมการ" ปลายเดือนมี.ค. ที่ต้องจับตาต่อคือความเคลื่อนไหวของ "อริยะ พนมยงค์" หลังทำงานครบ 1 ปีเต็ม 18 เม.ย.63
ข่าวการลาออกจากตำแหน่ง “กรรมการ” ผู้มีอำนาจลงนามของ “ประชุม มาลีนนท์” แม่ทัพใหญ่ บมจ.บีอีซี เวิลด์ หรือช่อง 3 เมื่อวันที่ 26 มี.ค.63 เป็นข่าวที่สร้างแรงสั่นสะเทือนวิก 3 พระรามสี่อย่างมาก เนื่องจาก “ประชุม” ถือเป็นคนในครอบครัว “มาลีนนท์” ที่เข้ามารับไม้ต่อจาก “ประวิทย์ มาลีนนท์” เพื่อแก้วิกฤติที่ช่อง 3 กำลังเผชิญ “ขาดทุน” อย่างหนัก
ในการทำงาน “แม่ทัพนายกอง” มีความสำคัญมาก และ "ประชุม" พยายามพลิกภาพธุรกิจครอบครัว เปิดทาง “คนนอก” มืออาชีพมากผีมือเข้ามาทำงาน แต่คนแล้วคนเล่าต้อง “ลาออก” ด้วยเหตุผลต่างๆ
ขณะนี้ “อริยะ พนมยงค์” เป็นอีกคนที่ถูกทาบทามให้มาร่วมงานตั้งแต่เดือนมี.ค.62 และเข้ามานั่งเก้าอี้ “กรรมการผู้อำนวยการ” หรือ President ของ บีอีซี เวิลด์ อย่างเป็นทางการ 18 เม.ย.62 จวบจนวันนี้ ครบ 1 ปี พอดิบพอดี
ทว่า ทันทีที่ “ประชุม” ลาออก ในฐานะเป็นผู้ชักชวน “อริยะ” มากุมบังเหียนช่อง 3 จากนั้นทุกสายตาจับไปที่ความเคลื่อนไหวของ “ผู้บริหารช่อง 3” ทันที ไม่เว้นแม้กระทั่งตำแหน่ง President ของ “อริยะ” ซึ่งขณะนี้มีกระแสออกมาหนาหูถึงการ “เปลี่ยนแปลง” ที่จะเกิดขึ้นแบบฉับพลัน
"อริยะ พนมยงค์" เข้ามานั่งเก้าอี้ “กรรมการผู้อำนวยการ” หรือ President ของ บีอีซี เวิลด์ อย่างเป็นทางการ 18 เม.ย.62 จวบจนวันนี้ ครบ 1 ปี พอดิบพอดี
สัญญาณการเปลี่ยน แม่ทัพ-ขุนพล ช่อง 3 เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา หลังจาก “อริยะ” เข้ามาทำงานที่ช่อง 3 ได้ดึงทีมงานที่เป็นมือไม้มาเสริมทัพจำนวนมาก เช่น
วัชรี ศิริเวชวิวัฒน์ ดำรงตำแหน่ง EVP-Commercial 23 มิ.ย.62
กวิน ตั้งอุทัยศักดิ์ ดำรงตำแหน่ง EVP-Strategy& BD 1 ก.ค.62
สุชาติ ภวสิริพร ดำรงตำแหน่ง EVP-HR 1 ส.ค.62
ทั้งนี้ หลังจาก “ประชุม” ลาออก ยังปรากฏรายชื่อข้างต้นบางส่วนได้ลาออกเช่นกัน นั่นคือ สุชาติ ภวสิริพร และวัชรี ศิริเวชวิวัฒน์
ขึ้นชื่อว่าธุรกิจครอบครัว แม้จะเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แต่ “คณะกรรมการบริษัท” Board of Directors : BoD ยังเต็มไปด้วยพี่น้องตระกูล “มาลีนนท์”
นับตั้งแต่ “อริยะ” เข้าไปบริหารช่อง 3 อันเป็นธุรกิจครอบครัว “มาลีนนท์” ไม่มีคำว่าง่าย กลับกันทุกย่างก้าวเต็มไปด้วย “ขวากหนาม” จุดอ่อน และอุปสรรคสารพัด
ขึ้นชื่อว่าธุรกิจครอบครัว และแม้จะเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แต่ “คณะกรรมการบริษัท” Board of Directors : BoD ยังเต็มไปด้วยพี่น้องตระกูล “มาลีนนท์” ไม่ว่าจะเป็น รัตนา-อัมพร-นิภา มาลีนนท์ เป็นต้น ซึ่ง “อัมพร” ได้ปรับเปลี่ยนตำแหน่งจากประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ เป็น กรรมการบริหาร โดย BoD ถือว่าเป็นองค์กรขั้นสูงสุดของบริษัท บทบาทสำคัญคือกำหนดวิสัยทัศน์ ทิศทาง นโยบายการทำงาน ตลอดจนการทำงานของผู้บริหารต่างๆด้วย
ทั้งนี้ แม้ว่า “อริยะ” จะอยู่ในทำเนียบ BoD มีอิสระในการทำงาน แต่ที่สุดแล้ว ทุกการประชุมย่อมมีมติเห็นชอบในเรื่องต่างๆ แต่ “เสียงคนในตระกูล” ย่อมมีพลังไม่น้อยที่จะตัดสินใจชี้ขาดในเรื่องเหล่านั้น จึงอาจเป็นจุดอ่อนต่อการขับเคลื่อนธุรกิจ แต่สิ่งหนึ่งไม่ควรมองข้าม ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา คนในตระกูลคือผู้ที่นำพาธุรกิจครอบครัวให้ผงาดเช่นกัน
นอกจากนี้ การที่ “อริยะ” ดึงทีมงานข้างกายจากองค์กรเก่าๆ มายังบ้านใหม่ด้วยต้นทุน “ค่าตอบแทนสูง” กระเทือนคนเก่า ทำให้เกิดคลื่นใต้น้ำ และยังมีศึกในบ้านที่ทำให้ “อริยะ” ทำงานได้ไม่ราบรื่น ขาดความร่วมไม้ร่วมมือ ความสามัคคีจากคนในองค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการโพสต์ของ “คนใน” ผ่านสื่อออนไลน์ วิพากษ์เนื้อหารายการ ละคร ที่ทำให้ผู้จัดบางรายเดือด! และอีกหลายประเด็นที่ถูกวิจารณ์ ณ วิก 3 พระรามสี่
การที่ “อริยะ” ดึงทีมงานข้างกายจากองค์กรเก่าๆ มายังบ้านใหม่ด้วยต้นทุน “ค่าตอบแทนสูง” กระเทือนคนเก่า ทำให้เกิดคลื่นใต้น้ำ และยังมีศึกในบ้านที่ทำให้ “อริยะ” ทำงานได้ไม่ราบรื่น ขาดความร่วมไม้ร่วมมือ
ส่วนอุปสรรคภายนอก ปฏิเสธไม่ได้ว่า 1 ปี ของ “อริยะ” ต้องตัดสินใจเรื่องใหญ่ๆตามวิสัยของผู้นำ ไม่ว่าจะเป็นการคืนไลเซ่นส์ทีวีดิจิทัล 2 ช่อง ทำให้ต้อง “ลด” พนักงานจำนวนมาก มีการปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ เพื่อทำให้ธุรกิจทีวีเป็นมากกว่าทีวี (Beyond TV) พึ่งพารายได้ใหม่ๆไม่แค่ “โฆษณา” เท่านั้น เพราะปัจจุบันสื่อใหม่ “อินเตอร์เน็ต” แย่งเม็ดเงินไปร่วม 2 หมื่นล้านบาทแล้ว ทีวีครองอยู่เพียง 6 หมื่นล้านบาทเท่านั้น จากเดิมเป็นขุมทรัพย์ “แสนล้านบาท”
นอกจากนี้ คนดูทีวีลดลง ออนไลน์ชิงเวลาผู้ชมมากขึ้น เศรษฐกิจ กำลังซื้อชะลอ ลูกค้าขายสินค้าได้น้อยลง หั่นงบโฆษณา ล่าสุดโรคระบาดโควิด-19 ทุบซ้ำสถานการณ์ทุกอย่างให้ย่ำแย่ แต่ “อริยะ” มักย้ำเสมอว่าปัจจัยเหล่านี้ไม่ใช่ข้ออ้างในการนำทัพช่อง 3 ฝ่าวิกฤติ เพราะผู้ประกอบการทุกรายเผชิญชะตากรรมเดียวกัน แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจัยภายนอกที่ ช็อค!โลกอย่างโรคระบาด ทำให้การพิสูจน์ผลงานของ “อริยะ” ยากขึ้นเป็นหลายเท่าตัว เพราะนาทีนี้ ลูกค้าแบรนด์ใหญ่ๆ เบรกงบโฆษณา โยกเงินไปช่วยเหลือการป้องกัน ต่อสู้โรคโควิด
..เมื่อขายสินค้าไม่ได้ การใช้จ่ายของแบรนด์สินค้าย่อมลดลงยากจะหลีกเลี่ยง
เรียกได้ว่าเป็น 1 ปี ที่ “อริยะ” เผชิญศึกรอบด้านจริงๆ ก่อนหน้านี้ "กรุงเทพธุรกิจ" ได้สัมภาษณ์ “อริยะ” ที่ดูมีพลังเต็มเปี่ยมในการทำงาน แต่ประโยคที่สะท้อนถึงแรงกดดัน คือ “ตอนนี้เวลาไม่เข้าข้างเรา ช้าไม่ได้” อาจตีความได้หลายมิติ ทั้งเวลาไม่เอื้อให้พิสูจน์ฝีมือ หรือเวลาไม่เอื้อให้ธุรกิจทีวี หวยจะออกแบบไหน..ห้ามกะพริบตา!!