พาณิชย์ ถอน CPTPP พ้นครม.
จุรินทร์ ถอน CPTPP พ้นวาระครม.แล้ว แจงยังมีความเห็นขัดแย้งไม่เหมาะดันต่อ ขณะที่”สมคิด”ชี้ เป็นอำนาจพาณิชย์ตัดสินใจ
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ให้สัมภาษณ์กรณีการเสนอเรื่อง CPTPP ( comprehensive and progressive agreement for transpacific partnership) หรือ ความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก สู่การพิจารณาของ ครม. ว่า การเสนอเป็นไปตามมติของคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ(กนศ.) ที่มี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563ซึ่งเมื่อปรากฏว่ายังมีความเห็นแย้งกันอยู่ในระหว่างฝ่ายต่างๆ กระทรวงพาณิชย์จึงได้ถอนเรื่องที่เสนอออกไปแล้ว ทั้งนี้ นายจุรินทร์กล่าวว่าจะไม่เสนอเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมอีก ตราบใดที่ภาคส่วนต่างๆในสังคมยังมีความเห็นขัดแย้งกันอยู่
ด้านนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวที่ว่าคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) เป็นฝ่ายที่นำเสนอประเด็นการเดินหน้าเจรจาความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิค(CPTPP) เข้าสู่การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริงเพราะ ครม.เศรษฐกิจไม่เคยมีการพิจารณาเรื่อง CPTPP แต่เป็นการประชุมของคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) ซึ่งตนเป็นประธาน โดย กนศ.มีมติให้กระทรวงพาณิชย์ไปศึกษาเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียในเรื่องของการเข้าร่วมข้อตกลงนี้และให้นำเสนอเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุม ครม.เพื่อขอความเห็นชอบตามขั้นตอน
“เรื่องนี้กระทรวงพาณิชย์เป็นหลักในการเดินหน้าต่อ เป็นการตัดสินใจของกระทรวงพาณิชย์ และในขณะนี้ตนไม่ได้เป็นรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับกระทรวงพาณิชย์"
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ตามที่กระทรวงพาณิชย์ได้เสนอผลการศึกษาและระดมความเห็นภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเรื่องการเข้าร่วมความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) เข้าสู่วาระการพิจารณาของครม.ในวันที่ 28 เม.ย.ตามมติของคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ(กนศ.) ที่มี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2563 นั้นนายจุรินทร์ เห็นว่า ยังมีข้อกังวลบางประเด็นของ CPTPP อาทิ การคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ การเปิดตลาดให้กับสินค้าใช้แล้วที่นำมาปรับปรุงสภาพเป็นของใหม่และการจัดซื้อจัดจ้างโดยภาครัฐ และข้อกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์โรคระบาดโควิดในปัจจุบัน อาจจะไม่เหมาะสมกับเวลา จึงเห็นขอถอนเรื่องออกไป