เปิดที่มา 'ชาไข่มุก' ร่วมฉลอง ‘วันชานมไข่มุกแห่งชาติ’ 30 เมษายน

ตั้งแต่เปิดศักราชใหม่ในปี 2020 คนไทยต้องต่อสู้กับโรคระบาด COVID-19 มานานหลายเดือน จนมาถึงสิ้นเดือนเมษายนก็เริ่มเห็นมีสัญญาณที่ดีเพราะมียอดผู้ติดเชื้อลดลง งั้นขอพักเรื่องเครียดๆ ของสถานการณ์โรคระบาดนี้เอาไว้ก่อน เพราะเราจะพาคุณไปรู้จักวันสำคัญที่มาในช่วงสิ้นเดือนเมษายนพอดิบพอดี นั่นคือ "วันชานมไข่มุกแห่งชาติ" ที่ตรงกับวันที่ 30 เมษายนของทุกปี

ใครที่เป็นแฟนคลับของเครื่องดื่มยอดฮิตเมนูนี้ ลองมาทำความรู้จักที่มาที่ไปของ "ชานมไข่มุก" เนื่องใน "วันชานมไข่มุกแห่งชาติ" ให้มากขึ้นอีกนิดกันดีกว่า

• "วันชานมไข่มุกแห่งชาติ" เพิ่งมีขึ้นเพียง 2 ปี!

สำหรับที่มาของ "วันชานมไข่มุกแห่งชาติ" นั้น เริ่มขึ้นจาก ร้านชากังฟู (Kung Fu Tea) เป็นร้านขายชานมไข่มุกเจ้าดังระดับโลกซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงนิวยอร์ก สหรัฐฯ เป็นผู้จุดประกายให้เริ่มต้นมี "วันชาไข่มุกแห่งชาติ" เป็นครั้งแรก โดยเสนอไปยัง National Day Calendar กระทั่งมีการยอมรับและประกาศลงหน้าเว็บไซต์อย่างเป็นทางการครั้งแรก ในปี 2562 (ถ้านับปีนี้ด้วยก็แปลว่าเพิ่งจะมีวันชาไข่มุกแห่งชาติได้เพียง 2 ปี) และสาเหตุที่เลือกเป็นวันที่ 30 เมษายนนั้น เนื่องจากเป็นวันก่อตั้งของทางร้านนั่นเอง

   

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : เรื่องใต้ฝา 'ชาไข่มุก' ที่คุณอาจไม่เคยรู้

• ต้นกำเนิด "ชานมไข่มุก" มาจากไต้หวัน

ชาไข่มุกเริ่มต้นมาตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1988 หรือประมาณปี พ.ศ. 2531 โดยมีข้อมูลพบว่าในสมัยนั้นมีร้านน้ำชาที่ชื่อ "ชาชุนฉุ่ยถัง" ในเมืองไถจง ประเทศไต้หวัน น่าจะเป็นร้านแรกที่คิดค้นเมนู "ชานมไข่มุก" ขึ้นมาในปี 1988 ดังกล่าว

มีเรื่องราวเล่าว่าขณะที่กำลังประชุมอยู่นั้น คุณหลินชิ่วฮุย (ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์) ได้เทขนมหวานชิ้นเล็กๆ ลงไปในน้ำชา ทุกคนในห้องประชุมเห็นว่าน่าสนใจ จึงทำออกมาขาย ปรากฏว่า ยอดขายดีมาก ทำลายสถิติเครื่องดื่มชนิดอื่นๆ ทางร้านจึงทำเมนู "ชานมไข่มุก" ขายตั้งแต่นั้นมา

ส่วนอีกหนึ่งที่มาเล่าว่า ชาไข่มุกน่าจะมีที่มาจากร้านน้ำชา "หานหลิน" ที่เมืองไถหนาน ประเทศไต้หวัน ช่วงปี 1990 โดยร้านนี้มีเจ้าของร้านชื่อ "ถัวซ่งเหอ" เขาใส่เม็ดสาคูสีขาวลงไปในชา ทำให้มันเหมือนไข่มุก เป็นที่มาของคำว่า “ชาไข่มุก” หลังจากนั้นไม่นานร้านหานหลินเปลี่ยนสีสาคูจากสีขาวเป็นสีดำ นำมาใส่ในน้ำชา ทำให้เครื่องดื่มนี้มีหน้าตาเหมือนชานมไข่มุกที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบัน

• เม็ดไข่มุกสีดำใน "ชานมไข่มุก" ทำมาจากอะไร? 

วัตถุดิบพิเศษในเครื่องดื่ม "ชานมไข่มุก" ก็คือ ไข่มุก (bubbles) บางแห่งก็เรียกว่า boba หรือ pearls ตัวไข่มุกที่ว่านี้ทำมาจากแป้งมันสำปะหลัง สำหรับไข่มุกออริจินัลสีดำที่เราคุ้นเคยกัน เป็นเม็ดไข่มุกที่ทำมาจากแป้งมันสำปะหลังนำไปเคี่ยวผสมผสานกับน้ำตาลทรายแดงและน้ำเปล่า ผ่านกรรมวิธีต้มและนวดให้เข้ากัน อีกทั้งยังสามารถเปลี่ยนสีและรสสัมผัสของไข่มุกได้โดยการเติมน้ำ น้ำตาลชนิดอื่นๆ หรือสีผสมอาหารสีอื่นๆ ให้ได้เม็ดไข่มุกที่แตกต่างออกไปได้ด้วย โดยจะเห็นว่าปัจจุบันมีการพัฒนาเม็ดไข่มุกในรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น เช่น เม็ดไข่มุกสีทอง เม็ดไข่มุกจากแป้งข้าวไรซ์เบอร์รี่ เม็ดไข่มุกสีฟ้าอัญชัญ เป็นต้น

• ชอบดื่ม "ชานมไข่มุก" ต้องระวังสุขภาพ! 

แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ รองอธิบดีกรมอนามัยและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข อธิบายว่า คนชอบดื่มชานมไข่มุกต้องประเมินตนเองด้วยว่าเสี่ยงต่อภาวะอ้วนหรือไม่ เพราะหากดื่มเป็นประจำอาจทำให้น้ำหนักเพิ่มอย่างรวดเร็วและนำไปสู่การเป็นโรคอ้วน เบาหวาน หัวใจ และหลอดเลือดได้ เนื่องจากชานมไข่มุกส่วนใหญ่เป็นการเติมน้ำตาล น้ำเชื่อม นมผง ครีมเทียม และไข่มุกลงในชา ซึ่งทำให้ได้พลังงานมากขึ้นกว่าน้ำชาทั่วไปมาก

โดยข้อมูลทางโภชนาการระบุว่า ชานมไข่มุก 1 แก้ว ให้พลังงาน ประมาณ 240 – 360 กิโลแคลอรี   โดยร่างกายจะได้รับคาร์โบไฮเดรต 45 – 62 กรัม ไขมัน 0 – 14 กรัม  โปรตีน 0.4 – 2 กรัม ความแตกต่างของพลังงานและสารอาหารขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำตาลหรือน้ำเชื่อม ไข่มุก นมผง และครีมเทียมที่ใส่ลงไป ซึ่งไข่มุกที่อยู่ในชานมไข่มุกนั้น ผลิตจากแป้งมันสำปะหลัง จัดอยู่ในอาหารหมวดเดียวกับแป้งและน้ำตาล โดยไข่มุก 30 กรัม ให้พลังงาน 100 กิโลแคลอรี ซึ่งพลังงานที่ได้จากการดื่มชานมไข่มุก 1 แก้ว โดยประมาณ ใกล้เคียงกับการกินก๋วยเตี๋ยว 1 ชาม หรือเท่ากับข้าวประมาณ 3 – 4 ทัพพี

แพทย์ยังมีคำแนะนำอีกว่า ควรบริโภค "ชานมไข่มุก" เพียงสัปดาห์ละ 1 – 2 แก้วก็พอแล้ว และควรหมั่นออกกำลังกาย เพื่อเป็นการเผาผลาญพลังงานที่ร่างกายได้รับในแต่ละวันด้วย หรืออาจจะเลือกดื่ม "ชานมไข่มุก" ในสูตรต่างๆ ที่เป็นทางเลือกสุขภาพ เช่น สูตรหวานน้อย  สูตรไขมันต่ำ เป็นต้น

-----------------------

อ้างอิง:

https://th.wikipedia.org/ชานมไข่มุก

https://www.trueplookpanya.com/

https://multimedia.anamai.moph.go.th