'วันสิ่งแวดล้อมโลก' กับ 'น้ำมันรั่ว' 2 หมื่นตันในรัสเซีย
ในขณะที่หลายประเทศกำลังรณรงค์เรื่องความสำคัญของสิ่งแวดล้อมเนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก (5 มิ.ย.) ในรัสเซียประสบอุปสรรคใหญ่ในการกักน้ำมันดีเซล 2 หมื่นตันที่รั่วไหลลงแม่น้ำอาร์กติก เช่น สภาพอากาศแปรปรวนและพื้นที่ที่เข้าถึงยาก แต่ล่าสุดกักได้หมดแล้ว
เมื่อวันศุกร์ (29 พ.ค.) เกิดเหตุน้ำมันดีเซลรั่วไหลในเขตอุตสาหกรรมของ Nadezhdinsky Metallurgical Plant ซึ่งเป็นธุรกิจในเครือของ Nornickel ผู้ประกอบการเหมืองแร่และโลหะรายใหญ่ของรัสเซียในเมืองโนริลสก์ ทางการท้องถิ่นประเมินว่า ส่งผลให้น้ำมัน 1.5 หมื่นตันไหลลงแม่น้ำสายสำคัญจนน้ำเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างน่ากังวล และยังมีน้ำมันอีก 6,000 ตันไหลลงพื้นดินใกล้เคียง
ร้อนถึงประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเมืองโนริลสก์เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. เพื่อรับมือเหตุน้ำมันรั่วที่ยังควบคุมไม่ได้ และวิจารณ์ความล่าช้าในการตอบสนองหายนะครั้งนี้อย่างหัวเสีย
ขณะเดียวกัน ปูตินสั่งการให้รัฐมนตรีกระทรวงสถานการณ์ฉุกเฉินจัดตั้งคณะทำงานเพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอันเนื่องมาจากการรั่วไหลของน้ำมันดังกล่าวโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และสั่งการให้หน่วยงานด้านกฎหมายทำการประเมินการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ซึ่งเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง: ‘วันสิ่งแวดล้อมโลก’ กับ ‘ขยะ’ เกลื่อนหาดฮ่องกง
ด้านบริษัท Nornickel แถลงผ่านเว็บไซต์ว่า สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ มาจากความร้อนใต้ภาวะชั้นดินเยือกแข็ง (Permafrost) ซึ่งทำให้เกิดการเคลื่อนไหวภายใต้ถังกักเก็บเชื้อเพลิง และทำให้น้ำมันรั่วไหลออกมา
ขณะที่กลุ่มกรีนพีซ รัสเซีย กล่าวว่า อุบัติเหตุน้ำมันรั่วนี้เป็นครั้งแรกที่กินพื้นที่ใหญ่ขนาดนี้ในอาร์กติก และเทียบเท่ากับหายนะน้ำมันรั่วที่เกิดจากบริษัทเอ็กซอน บัลเดซ นอกชายฝั่งอะแลสกาในปี 2532
เมื่อวันเสาร์ที่ 30 พ.ค. หน่วยงานท้องถิ่นของคณะกรรมาธิการการตรวจสอบของรัสเซียได้เปิดการพิจารณาคดีอาญาเพื่อเอาผิดกับผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบต่อการจัดเก็บเชื้อเพลิงอย่างไม่เหมาะสม จนทำให้เกิดมลภาวะและความเสียหายอื่น ๆ ต่อสิ่งแวดล้อม ผลจากสารเคมีที่มีอันตรายร้ายแรง
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลว่าผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือลูกจ้างบริษัท Nornickel จะถูกตั้งข้อหาอะไรบ้าง
ส่วนความคืบหน้าเกี่ยวกับการกักน้ำมันรั่ว อังเดร มาลอฟ โฆษกสำนักบริการเหตุฉุกเฉินรัสเซีย เผยว่า ทีมเจ้าหน้าที่รับมือเหตุฉุกเฉินมายังพื้นที่ห่างไกลแห่งนี้เมื่อวันพฤหัสบดี (4 มิ.ย.) แต่หน่วยงานเหตุฉุกเฉินยอมรับว่า กำลังเจออุปสรรคใหญ่ในการกักและทำความสะอาดน้ำมันที่รั่วไหล
ภารกิจทำความสะอาดเป็นอย่างยากลำบาก เนื่องจากหลายพื้นที่เดินทางเข้าถึงได้ยาก และสภาพอากาศที่แปรปรวน บางแห่งยังมีแผ่นน้ำแข็งอยู่ซึ่งเป็นอุปสรรคและยิ่งทำให้น้ำมันกระทบต่อแหล่งน้ำในทะเลสาบมากขึ้น
“นี่เป็นครั้งแรกที่เกิดเหตุน้ำมันรั่วไหล ก่อนหน้านี้ยังไม่เคยมีเหตุน้ำมันรั่วไหลในแถบอาร์กติกมาก่อน เราต้องรีบดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพราะน้ำมันอาจละลายไปกับแหล่งน้ำและพื้นดินโดยรอบ” มาลอฟระบุ
สื่อท้องถิ่น รายงานว่า แม่น้ำ “อัมบาร์นายา” (Ambarnaya) แหล่งน้ำสายหลักที่ไหลลงสู่ทะเลสาบพยาซิโน (Pyasino) ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญต่อระบบนิเวศของคาบสมุทรไทเมียร์ เป็นแม่น้ำที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากน้ำมันรั่วครั้งนี้ จนเจ้าหน้าที่ต้องระดมใช้อุปกรณ์พิเศษในการกักคราบน้ำมันในแหล่งน้ำ
ดมิทรี โคลคอฟ โฆษกสำนักงานประมงรัสเซีย กล่าวว่า กระบวนการฟื้นฟูน้ำเสียอาจต้องใช้เวลานานหลายสิบปี “เราประเมินขอบเขตผลกระทบของภัยพิบัตินี้ต่ำเกินไป” และคาดว่า น้ำมันส่วนใหญ่จมลงไปที่ก้นแม่น้ำและไปถึงทะเลสาบแล้ว
อย่างไรก็ดี โฆษกกระทรวงสถานการณ์ฉุกเฉินรัสเซียเผยล่าสุดว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถกักน้ำมันรั่วกว่าหมื่นตันที่ไหลลงแม่น้ำอาร์กติกได้ทุกทิศทางแล้ว