ศบศ.เคาะ 'ช้อปดีมีคืน' กระตุ้นบริโภคคืนภาษีสูงสุด 30,000 บาทต่อคน

ศบศ.เคาะ 'ช้อปดีมีคืน' กระตุ้นบริโภคคืนภาษีสูงสุด 30,000 บาทต่อคน

ศบศ.ไฟเขียวมาตรการกระตุ้นบริโภคลดหย่อนภาษีในโครงการ "ช้อปดีมีคืน" ใช้สูงสุด 3 หมื่นบาท/คน ใช้สิทธิ์ถึง 31 ธ.ค.นี้ โดยให้เลือกว่าจะเข้าโครงการคนละครึ่งหรือโครงการช้อปดีมีคืน พร้อมขยายเราเที่ยวด้วยกันถึงสิ้นม.ค.2564

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากโควิด-19 หรือ "ศบศ." ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานวันนี้ (7 ต.ค.) เห็นชอบมาตรการกระตุ้นการบริโภคช่วงปลายปี 2563 เพิ่มเติมตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

โดยจะเป็นมาตรการสนับสนุนการใช้จ่ายของผู้เสียภาษีโดยมีเป้าหมายที่ผู้มีรายได้ระดับปานกลางและรายได้ปานกลางระดับสูง (Upper middle income) ในการซื้อสินค้าและได้สิทธิลดหย่อนภาษี ภายใต้ชื่อโครงการ "ช้อปดีมีคืน" โดยลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30,000 บาทต่อรายสำหรับในปีภาษีถัดไป โดยให้ซื้อสินค้าถึง 31 ธ.ค. 2563 ทั้งนี้คาดว่าจะมีผู้ใช้สิทธิ์ประมาณ 4 ล้านคน

โดยโครงการนี้มีกลุ่มเป้าหมาย คือ กลุ่มผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กลุ่มผู้ประกอบการประเภทผู้ประกอบการค้าสินค้าและบริการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและผู้ประกอบการขาย
หนังสือและสินค้า OTOP โดยไม่รวมสินค้าเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ยาสูบ สลากกินแบ่งรัฐบาล น้ำมัน ค่าที่พัก และค่าตั๋วเครื่องบิน มาตรการจะมีระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2563 เพื่อใช้ลดหย่อนภาษีในปีภาษี 2563 ณ มีนาคม 2564  ทั้งนี้ หากประชาชนได้ใช้สิทธิ์โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่ง
รัฐ หรือโครงการคนละครึ่งแล้ว จะไม่สามารถใช้สิทธิ์ได

นอกจากนี้ ที่ประชุม ศบศ.ยังขยายระยะเวลาเราเที่ยวด้วยกันไปจนถึงสิ้นเดือน ม.ค. 2564 เพื่อเป็นการขยายระยะเวลาให้ประชาชนไปใช้สิทธิ์และให้บริษัทขนาดใหญ่เข้ามาร่วมในโครงการได้มากขึ้น 

160206996512

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ตอนหนึ่งระหว่างเริ่มการประชุม ศบศ.วันนี้ว่า เป็นการประชุมครั้งสำคัญของ ศบศ. ในเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นรอยต่อของสถานการณ์ที่มีความรุนแรงมาอย่างต่อเนื่องในเรื่องสถานการณ์ด้านสุขภาพ ขณะเดียวกันต่างประเทศก็ยังมีสถานการณ์ที่ไม่ดีนัก มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกของเรา
 
ดังนั้นในเรื่องของเศรษฐกิจก็เช่นเดียวกัน วันนี้จำเป็นต้องเดินหน้าควบคู่กันไปทั้งในส่วนการใช้งบฟื้นฟู การใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐ เพราะถือเป็นเครื่องจักรสำคัญในขณะนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดที่อยากแจ้งให้ที่ประชุมทราบคือ รัฐบาลมีหน้าที่ในการแก้ไขปัญหา สุดท้ายปลายเหตุ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของธนาคาร ส่วนที่เกี่ยวข้องต่างๆ
 
“ปัญหาของทุกวันนี้ ไม่ได้มีแค่เพียงแค่การดำรงชีวิต ซึ่งเคยแนะนำไปแล้วว่าให้ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ตามแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีเท่าไหร่ใช้เท่านั้น แต่วันนี้ปัญหาของประชาชนที่มีมากที่สุด คือปัญหาหนี้สินของพวกเขา ทั้งหนี้ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ซึ่งเกี่ยวข้องกับธนาคารทั้งสิ้น จำเป็นต้องขอความร่วมมือจากพวกท่าน เพราะไปก้าวล่วงกับทางธนาคารไม่ได้ แต่หากเราไม่ช่วยกันวันนี้ประเทศชาติก็คงต้องไปกันทั้งหมด จึงขอฝากไว้ด้วย เพราะทุกคนต่างคาดหวังความช่วยเหลือจากรัฐบาล วันนี้จึงขอให้ท่านเริ่มจากการช่วยตัวเอง เสียสละกันบ้าง และรัฐบาลก็จะเข้ามาดูแลพวกท่านอีกครั้งหนึ่ง และถ้าเกิดปัญหาอะไรขึ้นอยากจะให้เข้าใจวิธีการ หลักคิดของรัฐบาลด้วย"