“พิพัฒน์” อัพเดตไทม์ไลน์ใหม่ นักท่องเที่ยวจีนบินเข้าสุวรรณภูมิ-ภูเก็ต วันที่ 20 กับ 26 ต.ค.นี้
“พิพัฒน์” รมว.การท่องเที่ยวฯ อัพเดตไทม์ไลน์ใหม่ นำเข้านักท่องเที่ยวจีนล็อตแรกผ่านวีซ่าพิเศษ “STV” บินลงสุวรรณภูมิ 20 ต.ค.นี้ ส่วนกรุ๊ปแรกที่เคยแจ้งว่าจะบินลงภูเก็ต 8 ต.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุดเลื่อนเป็น 26 ต.ค.นี้หลังเทศกาลกินเจ
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ได้รับรายงานข้อมูลล่าสุดจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มแรกจะเดินทางเข้าประเทศไทยผ่านวีซ่าประเภทพิเศษ (Special Tourist VISA : STV) ในวันที่ 20 ต.ค.2563 จากเมืองกว่างโจว ประเทศจีน ประมาณ 120 คน บินลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ
ส่วนอีกกลุ่มที่เคยแจ้งว่าจะบินลงสนามบินภูเก็ตในวันที่ 8 ต.ค.ที่ผ่านมา แต่ต้องเลื่อนออกไปก่อน เพราะในพื้นที่ภูเก็ตขอให้จบเทศกาลกินเจหลังวันที่ 25 ต.ค.นี้ สรุปกลุ่มนี้จะเลื่อนเดินทางมาเป็นวันที่ 26 ต.ค.นี้แทน โดยเป็นนักท่องเที่ยวจากเมืองกว่างโจว ประเทศจีน ประมาณ 120 คนเช่นกัน เบื้องต้นจะอยู่ในไทยนาน 30 วัน
ทั้งสองกลุ่มจะเข้ากักตัวอยู่ในห้องพักของโรงแรมซึ่งเป็นสถานที่กักตัวทางเลือก (ASQ/ALSQ) ระยะเวลา 14 วัน พร้อมปฏิบัติตัวตามมาตรฐานสาธารณสุขของไทย โดยทาง ททท.จะพยายามหากิจกรรมที่ทำในห้องพักได้ เพื่อไม่ให้นักท่องเที่ยวรู้สึกเบื่อ
“ผมหวังว่านักท่องเที่ยวชุดแรกที่เข้ามาจะไม่มีติดเชื้อโควิดเลย เพื่อทำให้คนไทยสบายใจ ความกดดันจะได้ลดน้อยลง และแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันคัดกรองนักท่องเที่ยวเข้าไทยเป็นอย่างดี จะได้เข้าสู่ระยะที่ 2 (เฟส 2) ของการดึงนักท่องเที่ยวกลุ่ม STV ได้ นั่นคือการอนุญาตให้เข้าพักเฉพาะในห้องของโรงแรมที่เป็นสถานกักกันทางเลือก 7 วัน และอีก 7 วันให้ออกนอกห้องพักได้แต่ต้องอยู่ในพื้นที่ของโรงแรม อย่างไรก็ตามหากกลุ่มแรกเข้ามาแล้วพบว่ามีผู้ติดเชื้อ ก็ไม่สามารถขยับไปเฟส 2 ได้”
ส่วนเฟส 3 ที่วางไว้ว่าเมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ารับการทดสอบหาโควิดเสร็จ หากไม่พบเชื้อ ก็จะอนุญาตให้เที่ยวได้เลยนั้น ยืนยันว่ายังไม่เริ่มในตอนนี้ เพราะต้องผ่านสองเฟสแรกไปให้ได้ก่อน
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวเสริมว่า เรื่องการลดจำนวนวันกักตัวนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามา จะลดให้น้อยกว่า 14 วันหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับกระทรวงสาธารณสุขจะพิจารณา ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และ ททท.คงไม่ไปก้าวล่วง