‘ดิเอโก้ มาราโดน่า’ ตำนาน 'หัตถ์พระเจ้า' ที่โลกลูกหนังต้องจดจำ
หลังการเสียชีวิตของ "ดิเอโก้ มาราโดน่า" หนึ่งในตำนานลูกหนังโลก เราจะพาย้อนกลับไปดูเหตุการณ์อันลือลั่น ที่ทำให้โลกรู้จักอัจฉริยะลูกหนังผู้นี้ในนามของ "หัตถ์พระเจ้า" (Hand of God)
ในวันที่โลกลูกหนังร่วมอาลัยถึงการจากไปของ "ดิเอโก้ มาราโดน่า" ที่เสียชีวิตจากอาการหัวใจวายด้วยวัย 60 ปี หลังจากที่เจ้าตัวเพิ่งเข้ารับการผ่าตัดที่สมองและออกจากโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมา
"กรุงเทพธุรกิจออนไลน์" ขอพาทุกคนย้อนกลับไปสู่ที่มาของ "หัตถ์พระเจ้า" อันลือลั่นของอัจฉริยะลูกหนังอย่าง มาราโดน่า ซึ่งแฟนๆ มักจะนึกถึงเรื่องราวนี้เสมอ ในทุกครั้งที่มีการพูดถึงชื่อเขา
เรื่องทั้งหมด เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 1986 ในศึก “ฟุตบอลโลก 1986” ที่ประเทศเม็กซิโก การแข่งขันเดินทางมาถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย เป็นการพบกันของ "ฟ้า-ขาว" อาร์เจนติน่า และ "สิงโตคำราม" อังกฤษ
ในวันนั้น อาร์เจนติน่า ภายใต้การนำทัพโดย “ดิเอโก้ มาราโดน่า” ตำนานแห่งวงการลูกหนังโลก เฉือนชนะอังกฤษไป 2-1 โดย มาราโดน่าทำคนเดียว 2 ประตู ซึ่งหนึ่งในนั้นคือประตู "หัตถ์พระเจ้า" ที่ลือลั่นไปทั่วโลก และพาอาร์เจนติน่าเข้ารอบไปคว้าถ้วยเวิลด์คัพในศึกฟุตบอลโลก 1986 มาครอง
ประตูแรก และเป็น “ประตูปัญหา” ของเกมนี้เกิดขึ้นในนาทีที่ 51 ในจังหวะทำเกมบุกของอาร์เจนติน่า สตีฟ ฮ็อดจ์ มิดฟิลด์ของอังกฤษเคลียร์บอลพลาด บอลโด่งมาหน้าปากประตูตัวเอง จังหวะนั้น ปีเตอร์ ชิลตัน นายทวารสิงโตคำรามทำท่าว่าจะรับบอลไว้ไม่ยาก แต่ ดิเอโก้ มาราโดน่า ก็กระโดดขึ้นพร้อมใช้มือปัดบอลเข้าประตูไป แม้ ชิลตัน จะพยายามประท้วงแต่ผู้ตัดสิน อาลี บิน นาสเซอร์ จากตูนิเซีย ยังยืนยันให้เป็นประตู
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง: รำลึกตำนาน ‘มาราโดน่า’ เทพลูกหนังแห่งศตวรรษ
อย่างไรก็ตาม แม้จะเพิ่งผ่านการทำประตูที่ฉาวไปทั่วโลก แม้จะผ่านมาหลายสิบปี แต่อีก 4 นาทีถัดมา "เสือเตี้ย" ก็แผลงฤทธิ์อีกรอบ เมื่อได้บอลตั้งแต่กลางสนาม ก่อนกระชากกว่า 60 หลา หลบผู้เล่นอังกฤษ 6 คน เข้าไปยิงประตูที่ 2 อย่างสวยงาม ซึ่งประตูนี้ถูกโหวตให้เป็น "ลูกยิงแห่งศตวรรษ" ของ ฟีฟ่า อีกด้วย
นาทีก่อนจบสกอร์สุดสวย ลูกที่ 2 ให้ "อาร์เจนติน่า" ขึ้นนำอังกฤษ 2-0
นาทีที่ 81 อังกฤษมาได้ประตูตีไข่แตก จาก แกรี่ ลินิเกอร์ แต่ก็ไม่มีความหมาย จบเกม อาร์เจนติน่า ชนะไป 2-1 พร้อมกับกรุยทางเข้าไปคว้าแชมป์โลกในเวลาต่อมาได้สำเร็จ
ภายหลัง มาราโดน่า ได้พูดถึงการทำประตูแรกว่า "ส่วนหนึ่งมาจากหัวของมาราโดน่า อีกส่วนหนึ่งมาจากหัตถ์ของพระเจ้า" จากนั้นลูกยิงดังกล่าวก็ถูกเรียกว่า "หัตถ์พระเจ้า" นับแต่นั้นเป็นต้นมา
ส่วนประตูสุดสวยลูกที่สองนั้น มาราโดน่า บอกว่า "ตอนแรกผมตั้งใจจะส่งบอลให้ฮอร์เก้ (วัลดาโน่) แต่พวกอังกฤษล้อมหน้าล้อมหลังอยู่เต็มไปหมด ผมเลยคิดว่า 'งั้นลุยเองเลยละกัน' จริงๆแล้วผมคิดว่าถ้าเป็นการแข่งกับทีมอื่น ผมคงยิงลูกนั้นไม่ได้หรอกเพราะคงโดนตัดฟาล์วตั้งแต่กลางสนามแล้ว แต่พวกเขา(อังกฤษ)นั่นแหละที่เป็นสุภาพบุรุษเกินไป!"
ระหว่างแข่งกับอิตาลี ในการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 1990
จากชัยชนะนัดนี้แม้จะเป็นแค่เกมหนึ่งในวงการฟุตบอล แต่ก็ถือเป็นชัยชนะที่มีความหมายอย่างยิ่งต่อชาวอาร์เจนติน่า เนื่องจากพวกเขามีความขัดแย้งกับอังกฤษเมื่อคราวสงครามหมู่เกาะฟอล์คแลนด์ในปี 1982 ที่ทำให้ชาวอาร์เจนติน่ากว่า 600 คนต้องจบชีวิตลง ซึ่ง มาราโดน่า กล่าวว่า
"จริงอยู่.. ที่ฟุตบอลไม่เกี่ยวข้องกับสงครามใดๆ แต่สงครามคราวนั้นทำให้เด็กๆที่อาร์เจนติน่าต้องตายเป็นเบือเหมือนนกตัวเล็กๆ และเกมนี้แหละคือการแก้แค้น"
ส่วน โรแบร์โต้ เปอร์ฟูโม่ อดีตนักเตะทีมชาติอาร์เจนติน่าช่วงทศวรรษที่ 70 ก็เคยให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องราวในฟุตบอลโลก 1986 ว่า "การคว้าชัยชนะเหนืออังกฤษนั่นแหละคือสิ่งที่สุดยอดที่สุดแล้ว (สำหรับชาวอาร์เจนติน่า) ส่วนเรื่องที่ได้แชมป์โลกในเวลาต่อมา เป็นแค่เรื่องที่สำคัญรองลงมาเท่านั้น"
- เบื้องหลัง “สีเสื้อ” ที่ต่างจากเคย
อีกหนึ่งเรื่องที่ทราบกันดีในหมู่แฟนๆ ทีม "ฟ้า-ขาว" คือ ในเกมกับอังกฤษ อาร์เจนติน่าสวมชุดเยือน (เสื้อสีน้ำเงิน) แต่จะเห็นได้ว่าสีเสื้อนั้นต่างกับชุดเยือนที่ใช้ลงแข่งกับอุรุกวัยในรอบก่อนหน้า สาเหตุที่มีการเปลี่ยนเสื้อกลางทัวร์นาเม้นท์ก็เนื่องมาจากหลังจบเกมกับอุรุกวัย คาร์ลอส บิลาร์โด้ กุนซือ "ฟ้า-ขาว" มองว่า ชุดดังกล่าวไม่มีการระบายอากาศที่ดีพอ ไม่เหมาะกับอากาศร้อนสุดๆของกรุงเม็กซิโก ซิตี้ บิลาร์โด้จึงร้องขอให้ทีมงานเปลี่ยนชุดให้ใหม่ แต่ทีมงานก็ไม่สามารถจัดหาได้ตามคำขอเพราะระยะเวลากระชั้นมาก
สามวันก่อนแข่งกับอังกฤษ บิลาร์โด้ สั่งให้ รูเบน มอสเชลล่า หนึ่งในทีมสต๊าฟฟ์โค้ช ไปหาชุดแข่งใหม่ตามร้านขายอุปกรณ์กีฬาแถวๆนั้น ซึ่ง มอสเชลล่า ก็ซื้อกลับมา 2 ตัว (สีน้ำเงินเหมือนกันแต่คนละโทน) ให้เลือก และเป็น มาราโดน่า นี่แหละที่เลือกชุดนี้ขึ้นมาโดยบอกว่า "เสื้อตัวนี้สวยดีนะ เราชนะพวกอังกฤษได้แน่ในชุดนี้"
จากนั้น มอสเชลล่า ก็รีบกลับไปร้านขายเสื้อตัวนั้นอีกครั้งเพื่อเหมาซื้อมา 38 ตัวให้ครบทีม, หาโลโก้สมาคมฟุตบอลอาร์เจนติน่ามาเย็บติดเสื้อทีละตัว รวมถึงซื้อหมายเลขเสื้อของชุดแข่งอเมริกันฟุตบอลเอามารีดติดเสื้อแข่งใหม่เพราะไม่มีเวลานั่งเย็บให้อีก
ที่มาจากบทความ : Today in Sport...วันกำเนิด "หัตถ์พระเจ้า" กรุงเทพธุรกิจ (22 มิถุนายน 2560)