สธ.ยันโควิด-19 ยังไม่ระบาดระลอก 2
สธ.ยันโควิด-19 ยังไม่ระบาดระลอก 2 เจอติดจากในประเทศเพียง 3 ราย สามารถระบุต้นตอได้ทั้งหมด ไม่พบการแพร่เชื้อต่อไปยังบุคคลอื่น -ติดเชื้อแบบจำกัด จังหวัดต่างๆไปเที่ยวได้ พ้อกลุ่มคนไทยติดเชื้อลอบเข้าจากท่าขี้เหล็ก ไม่พูดความจริง ทำการสอบสวนโรคยุ่งยากขึ้น
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 6 ธันวาคม 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ในการแถลงข่าวสถานการณ์โควิด -19 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค(คร.) กล่าวว่า ผู้ติดโควิด-19 ที่ประเทศไทยรายงานช่วงเวลานี้ แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มในสถานที่กักกัน กลุ่มลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายจากประเทศเมียนมา และกลุ่มติดเชื้อในประเทศที่มีอยู่ 3 ราย ซึ่งในการสอบสวนโรคแต่ละราย เพื่อหาไทม์ไลน์ของผู้ติดเชื้อว่าไปที่ไหน อย่างไร และเจอใครบ้าง ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับประชาชนที่เกี่ยวข้องกับไทม์ไลน์หากเป็นกลุ่มเสี่ยงสูง จะเข้าอยู่ในการควบคุมของเจ้าหน้าที่และตรวจหาเชื้อ จนครบ 14 วัน และกลุ่มเสี่ยงต่ำให้เฝ้าสังเกตอาการ หากมีอาการป่วยให้รีบไปตรวจ และแยกตัวเองเป็นเวลา 14 วัน ทำให้ควบคุมโรคได้ จากนั้นกรมควบคุมโรคจะมีแนวปฏิบัติไปยังจังหวัดในการจัดการในพื้นที่ ทำให้คุมโรคได้เร็ว และหลังจากนั้นกรมจะประเมินสถานการณ์โรคในพื้นที่ ก่อนจะประกาศว่าสถานการณ์พื้นที่นั้นๆเป็นอย่างไร
“ความเสี่ยงในการติดเชื้อไม่ได้เกิดจากสถานที่ แต่เกิดจากอยู่ในเวลาเดียวกับผู้มีเชื้อที่กำลังแพร่เชื้อได้หรือไม่ เพราะฉะนั้นจังหวัดต่างๆที่มีรายงานผู้ติดโควิด -19 จากคนที่ลักลอบเข้ามาในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นเชียงราย เชียงใหม่ พะเยา พิจิตร ราชบุรี กรุงเทพฯ สิงห์บุรี หรืออื่นๆ เป็นสถานที่ปลอดภัยยังสามารถไปเที่ยวได้ ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องงดการเดินทาง”นพ.โอภาสกล่าว
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค(คร.) กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวว่า จากที่มีการรายงานไปก่อนหน้านี้ว่าตั้งแต่ปลายเดือนพ.ย. - เวลา 08.00 น. วันที่ 6 ธ.ค. 2563 มีผู้ติดเชื้อจากในประเทศ 5 รายนั้น แต่จากการสอบสวนโรคเชิงลึกพบว่าผู้ติดเชื้อมีการปกปิดความจริง 2 ราย โดยก่อนหน้าให้ประวัติเพียงว่าไปอ.แม่สาย จ.เชียงราย จึงต้องระบุว่าติดเชื้อจากในประเทศ แต่เจ้าหน้าที่สงสัยเนื่องจากมีระยะเวลากว่า 20 วันที่หายไปไม่สามารถบอกได้ว่าอยู่ที่ไหน เมื่อสอบถามมากขึ้นบวกกับการพิจารณาจากหลักฐานอื่นๆประกอบทำให้ผู้ติดเชื้อยอมรับว่ากลับจากเมืองท่าขี้เหล็ก ดังนั้น 2 รายนี้ คือ ชาย อายุ 30 ปี และหญิง อายุ 26 ปี กทม. ที่เข้ารับการตรวจและรักษาที่รพ.เวชศาสตร์เขตร้อน เท่ากับเป็นการติดเชื้อจากต่างประเทศ
ส่วนอีก 3 รายที่เป็นการติดเชื้อในประเทศ คือ รายที่1 ชาย อายุ 28 ปี จ.เชียงรายที่ติดจากการสัมผัสใกล้ชิดหญิง จ.พะเยาที่กลับจากเมืองท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมาและตรวจพบติดโควิด -19 รายที่ 2 หญิง อายุ 50 ปี จ.สิงห์บุรี ซึ่งมีประวัติไปจ.เชียงราย แต่บอกว่าไม่ได้ไปเมืองท่าขี้เหล็ก โดยเดินทางกลับจากเชียงรายด้วยเที่ยวบินเดียวกับผู้ติดเชื้อแต่นั่งห่างกันมาก อย่างไรก็ตาม มีช่วงจังหวะที่สนามบินเชียงรายที่เข้าห้องน้ำจังหวงะเวลาที่ใกล้เคียงกับผู้ติดเชื้อ และรายที่ 3 หญิง อายุ 26 ปี จ.กรุงเทพฯ เป็นบุคลากรทางการแพทย์ ติดเชื้อจากในสถานที่กักกันทางเลือก(ASQ) เป็นรายล่าสุดที่มีการรายงานเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 2563 อยู่ระหว่างการสอบสวนโรคเพิ่มเติม ส่วนรายที่จ.เชียงรายและสิงห์บุรี รายงานไปก่อนหน้านี้แล้ว
นพ.โสภณ กล่าวอีกว่า สรุปภาพรวมของผู้ติดโควิด-19 ที่เกิดจากการลักลอบเข้าประเทศไทย ผ่านช่องทางธรรมชาติมาจากประเทศเมียนมาที่รายงานอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปลายพ.ย.- 6 ธ.ค. 2563 รวม 20 ราย แยกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มจากเมืองท่าขี้เหล็ก ลักลอบเข้าอ.แม่สาย จ.เชียงราย จำนวน 18 ราย จ.เชียงราย 6 ราย(ติดเชื้อในประเทศ 1 ราย) จ.เชียงใหม่ 5 ราย จ.พะเยา 1 ราย จ.พิจิตร 1 ราย จ.ราชบุรี 1 ราย กรุงเทพฯ 3 ราย และจ.สิงห์บุรี 1 ราย (ติดเชื้อในประเทศ) และ2.กลุ่มจากประเทศเมียนมา ลักลอบเข้าอ.แม่สอด จ.ตาก 2 ราย
“การที่ผู้ติดเชื้อไม่บอกความจริง หรือบอกความจริงไม่หมด ทำให้การสอบสวนโรคยุ่งยากขึ้น แต่ขณะนี้สถานการณ์โควิด-19ในประเทศไทย ไม่ได้อยู่ระดับระบาดระลอก 2 เนื่องจากเกือบทุกรายที่พบติดโควิด-19 และไม่ได้เข้าระบบกักตัวนั้น เป็นการติดเชื้อมาจากประเทศเมียนมาทั้งจากฝั่งแม่สอดและแม่สาย มีเพียง 3 ราย ที่เป็นการติดเชื้อจากในประเทศ โดยติดในสถานที่กักกันทางเลือก 1 ราย และอีก 2 ราย ติดจากผู้ที่ลักลอบเข้ามาจากเมืองท่าขี้เหล็ก ซึ่งจะเห็นว่าทุกรายสามารถระบุต้นตอของการติดเชื้อได้และแหล่งพบเชื้อได้ อีกทั้ง ยังไม่พบการแพร่เชื้อต่อไปยังบุคคลอื่น ยังเป็นการติดเชื้อแบบจำกัด”นพ.โสภณกล่าว