ตัดตอนการเมือง‘เขากระโดง’ ปัญหาของศาล ไม่ใช่รัฐบาล

ตัดตอนการเมือง‘เขากระโดง’ ปัญหาของศาล ไม่ใช่รัฐบาล

“ภูมิธรรม เวชยช้ย” ให้สัมภษณ์พิเศษรายการเนชั่นสุดสัปดาห์กับ 3 บก. ถึงความม้่นคงของรัฐบาลผสม โดยยืนยันปมพิพาทคดีที่ดินเขากระโดงต้องให้ศาลชี้ขาด ขณะที่ความสัมพันธ์ของพรรคร่วมยังไปได้ด้วยดี

KEY

POINTS

  • "ภูมิธรรม เวชยชัย" ยืนยันสัมพันธ์พรรคร่วมรัฐบาลขณะนี้ต้องจับมือกัน เพราะบ้านเมืองบอบช้ำมาเยอะ การจับมือด้วยกันน่าจะดีกับทุกฝ่าย ถ้าเราแตกกันจะมีปัญหาได้ในอนาคต
  • กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องเดินไปในทิศทางที่ประชาชนสบายใจ ความสำเร็จของการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องทำให้เห็นว่าได้มา 7 จากเต็ม 10 ภายในอายุของสภาฯ ชุดปัจจุบัน 
  • ปมข้อพิพาท "เขากระโดง" ระหว่าง รฟท.และกรมที่ดิน ให้ศาลยุติธรรมชี้ขาด 
  • ปม "ทักษิณ" ครอบงำพรรคเพื่อไทย นั้น "ภูมิธรรม" ย้ำ "ทักษิณ" ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ไม่ได้เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย เรื่องนี้ไม่กังวล
  • “ภูมิธรรม” ชี้ "พรรคเพื่อไทย" ไม่ต่ำ 200 สส. เลือกตั้งครั้งหน้าไม่ใช่เรื่องยาก ที่จะได้เสียงอีก 60 ที่นั่งจากเดิม  141 เสียง เมื่อปี2566

รัฐบาลผสม ภายใต้การนำ “พรรคเพื่อไทย” ที่มี สส.142 เสียง พรรคภูมิใจไทย เบอร์ 2 มี 71 สส. สามารถประคับประคองตั้งแต่จัดตั้งรัฐบาลร่วมกันหลังการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2566 ผ่านมา 1 ปี ผ่านมาถึง 2 นายกรัฐมนตรี แม้จะมีความไม่ลงรอยกันบางเรื่อง ก็ยังไม่ถึงขั้นแตกหักจนทำให้รัฐบาลต้องล่มลง

โดย “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะมือประสานสิบทิศของพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์พิเศษผ่านรายการเนชั่นสุดสัปดาห์กับ 3 บก. ถึงเสถียรภาพพรรคร่วมรัฐบาลขณะนี้ ยังคงเป็นไปได้ด้วยดี

“การเป็นพรรคร่วมรัฐบาลไม่ได้ทุกอย่างจะเห็นด้วยกันหมด หรือทิศทางเดียวกันหมด การมีความเห็นต่างไม่ใช่เรื่องความแตกแยก แต่เป็นเรื่องของทัศนคติ อาจจะเป็นนโยบายแต่ละพรรคที่ต้องผ่านการพูดคุยและหาจุดร่วมที่เป็นประโยชน์ โดยรวมยังถือว่าดี แต่บุคคลอาจมีเห็นแตกต่าง แต่พรรคที่ยังมีปัญหาก็ยังคุยกับผมได้ดีตลอด สามารถไปถามได้

ส่วนจุดยืนแต่ละพรรคร่วมยังจำเป็นที่จะต้องมีการนัดหารือนอกรอบอยู่เป็นระยะ เพื่อพูดคุยในประเด็นที่ยังค้างคาใจ เพราะหากมีการพูดในประเด็นทางการเมืองที่ไม่อยากพูดต่อสาธารณะ จะทำให้ความเห็นที่แตกต่างอาจถูกพัฒนาเป็นความขัดแย้งได้

“ผมไม่มีเปรี้ยว หวานตลอด เพราะว่าใจหวาน” ภูมิธรรม ระบุถึงความสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาล

รับพรรคร่วม ไม่อยากรีบเลือกตั้ง

เมื่อถามถึงการประกอบกำลังของรัฐบาลผสม จุดที่ทำให้เสถียรภาพสั่นคลอนคือพรรคร่วมรัฐบาล “ภูมิธรรม” ตอบว่า “สนิมเกิดแต่เนื้อในตน ก็เกิดจากข้างใน ผมคิดว่าแต่ละครั้งการคิดและตัดสินใจอยู่ที่สถานการณ์ เพราะสถานการณ์วันนี้เรียกร้องให้ พรรคร่วมรัฐบาลต้องร่วมมือกันเป็นหลัก เพราะบ้านเมืองบอบช้ำมาเยอะ การจับมือด้วยกันน่าจะดีกับทุกฝ่าย ถ้าเราแตกกันจะมีปัญหาได้ในอนาคต”

“ภูมิธรรม” ย้ำว่า “ไม่อยากรีบเลือกตั้งถ้าไปถามนักการเมืองทุกคนมันไม่อยากรีบ กว่าจะได้มาแทบตาย ทั้งหมดอยู่ที่ความเป็นจริงของการร่วมมือกัน”

ตัดตอนการเมือง‘เขากระโดง’ ปัญหาของศาล ไม่ใช่รัฐบาล

ส่วนการเจรจากับพรรคร่วมรัฐบาลนั้น“ภูมิธรรม” ย้ำว่า จะยึดหลักการรับฟัง เช่น เมื่อเกิดการขัดแย้งกันระหว่างคนนี้คนนั้น บางเรื่องก็เห็นด้วย บางเรื่องที่เห็นไม่เหมือนกันนั้น ตนเองจะช่วยดูรายละเอียดให้ได้

“เวลาจะช่วยดับความโกรธ ไม่พอใจได้มาก การพยายามใช้เหตุผลจะช่วยได้ ถ้าไปมีอารมณ์ร่วมขัดแย้ง เราก็เป็นคู่ขัดแย้ง เราก็แก้ไขไม่ได้ ในฐานะผู้ประสานงานต้องรับฟังเป็นหลัก”

สำหรับระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา “ภูมิธรรม” ย้ำว่า ตนเองก็ดับร้อนไปได้หลายเรื่อง บางเรื่องที่ยังค้างคาใจยังไม่ใช่เวลาในการตัดสินใจ แต่ไม่ใช่การซื้อเวลา แต่เวลาจะช่วยทำให้เกิดความเข้าใจมากขึ้น

ตัดตอนการเมือง‘เขากระโดง’ ปัญหาของศาล ไม่ใช่รัฐบาล

ดันแก้ รธน.ให้เกือบถึงฝั่ง

ส่วนประเด็นประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญและเขากระโดง จะทำให้เสถียรภาพรัฐบาลสั่นคลอนหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ประเด็นประชามติยังเป็นความเห็นที่แตกต่างกันของพรรคการเมือง อยู่ที่การพูดคุยกันที่จะยอมรับกันได้ เพราะมีปัจจัยทั้งฝ่ายค้าน สว. และพรรคร่วมรัฐบาล โดยพรรคร่วมรัฐบาลเห็นร่วมกันคือมาตรา 112 ถ้านิรโทษกรรมไม่รวมมาตรา 112 ก็เห็นพ้องกัน แต่บางประเด็นที่แตกต่างกันก็ยังต้องพูดคุยกันอยู่ จุดจะจบที่ตรงไหนก็เป็นเรื่องของเวลา

“ภูมิธรรม” ยืนยันว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเวลานี้ มีทางเลือกหลายทางที่จะหาทางออก ซึ่งการถามประชามตินั้น ถ้าเกิดว่าแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ได้ ก็จะเป็นเรื่องสุ่มเสี่ยง ทั้งนี้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะทันก่อนสภาฯหมดวาระหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติ หรือจะไม่เลือกวิธีนี้ก็ได้

ถ้าแก้ไขไม่ทันจะกระทบพรรคเพื่อไทยหรือไม่ “ภูมิธรรม” ระบุว่า อยู่ที่เหตุผลของประชาชนจะตัดสินใจ เพราะหากแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ทันในสมัยรัฐสภานี้ ก็ต้องทำให้ประชาชนเห็นว่า มันเป็นเหตุผลนอกเหนือจากพรรคเพื่อไทยกำหนดได้ส่วนวุฒิสภาชุดปัจจุบันนั้น ต้องถือว่าเป็นอิสระ และตัดสินใจยังไงก็ไม่แน่ใจ ที่เห็นโหวตมาแล้วไม่ใช่จะโหวตอย่างนั้นต่อไป

“มนุษย์ต้องมีความหวัง” ภูมิธรรม ระบุถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นโยบายหลักของพรรคเพื่อไทย

“ภูมิธรรม” ระบุถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญหากไม่สามารถทำได้เสร็จในรัฐบาลชุดนี้ว่า ถ้าทำให้เห็นว่ากระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเดินไปในทิศทางที่ประชาชนสบายใจ ตนก็หวังว่าเราได้ทำเต็มที่แล้ว เพราะเรามีจุดเปลี่ยนผ่าน คือ มีขั้นตอนให้เห็นว่าเส้นทางยาว 10 ได้มา 7 แล้ว ยืนยันต้องทำให้ได้มากที่สุด

ส่วนประเด็นประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ยังเห็นแตกต่าง “ภูมิธรรม” ระบุว่า เราอยากให้บรรลุฝั่งฝัน ให้เหลือการทำประชามติโดยใช้เสียงข้างมากเพียงชั้นเดียวในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ท้ายที่สุดถ้าเดินจนสุดทางแล้ว ก็เป็นแนวทางที่ดีที่สุด

ตัดตอนการเมือง‘เขากระโดง’ ปัญหาของศาล ไม่ใช่รัฐบาล

“เขากระโดง” ให้ศาลชี้ขาดข้อพิพาท

ส่วนปมปัญหาที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ที่กระทบกับพรรคภูมิใจไทย อาจทำให้พรรคร่วมรัฐบาลเกิดคลางแคลงใจได้ “ภูมิธรรม” ระบุว่า “ผมฟังทุกส่วนที่มีอำนาจ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กรมที่ดิน พรรคการเมือง ผมว่าทั้งหมดพูดออกมาก็ไม่มีอะไรขัดแย้ง ผมฟังจาก รมว.มหาดไทย เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย ตอนนี้เมื่อกรมที่ดินเชื่อมั่นวิธีที่ตนเองทำได้ เขามั่นใจทำถูกกระบวนการ ทางกระทรวงคมนาคมอ้างเรื่องศาลฎีกา ก็เป็นไปตามกระบวนการ แต่มองกฎหมายคนละตัว โดยผู้ที่ตัดสินได้ดีที่สุด คือศาลยุติธรรม ดังนั้นสองส่วนต้องมาหาวิธี ว่ากระบวนการยุติธรรมเปิดทางหรือไม่”

ถามย้ำว่าต้องรอ รฟท.ไปฟ้องใช่หรือไม่ “ภูมิธรรม” ตอบว่า “ประมาณนั้นนะครับ ผมฟังดู รฟท.พูดเต็มที่จะรักษาสิทธิเต็มที่”

ถ้าผลการตัดสินปัญหาที่ดินเขากระโดง ออกมาไม่เป็นคุณกับพรรคการเมืองจะเป็นปัญหากับพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ “ภูมิธรรม” ระบุว่า “ผมว่าอย่าไปคิดว่าจะออกมาแบบไหน เพราะทุกคนยืนอยู่บนจุดที่อยากให้เป็นไปตามกฎหมาย ที่ส่วนกลาง กระบวนการยุติธรรมตัดสินใจได้ ก็ไม่น่ามีใครมีปัญหา”

ถามย้ำว่า ถ้าผลการตัดสินของศาลในคดีเขากระโดงออกมาอย่างไรจะไม่มีผลต่อพรรคร่วมรัฐบาล “ภูมิธรรม” ระบุว่า เป็นปัญหาของศาล ไม่ใช่รัฐบาล ส่วนการพูดคุยของพรรคร่วมรัฐบาลยังไม่ได้หารือในเรื่องเขากระโดง ถ้ารู้สึกว่าฝ่ายใดไม่สบายใจก็สามารถพูดคุยได้

“ยังไม่เป็นความขัดแย้งพรรคร่วมรัฐบาล โดยทั่วไป เวลามีปัญหาจะมีการบ่น หรือบอกว่า เรื่องนี้อย่างนี้เหรอ แต่เรื่องเขากระโดงยังไม่มี” ภูมิธรรม ระบุ

ยัน “ทักษิณ” ไม่เกี่ยวข้อง พท.

ถามถึง “ทักษิณ ชินวัตร” เดินเกมให้พรรคเพื่อไทยจะเป็นแรงเหวี่ยงเสถียรภาพพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ “ภูมิธรรม” กล่าวว่า “คุณทักษิณเป็นอิสระ ท่านเข้ามาในประเทศด้วยกระบวนการถูกต้องตามกระบวนการยุติธรรม ดังนั้น โดยความคิดของคุณทักษิณ สามารถแสดงได้เต็มที่ แต่ประเด็นที่กังวลใจ คือ เรื่องครอบงำพรรคเพื่อไทย เราระมัดระวังอยู่แล้ว ยืนยันว่า คุณทักษิณไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ไม่ได้เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย เรื่องนี้ไม่กังวล

“ตัวคุณทักษิณมีความเห็นแตกต่างกับคนอื่น ก็เป็นเรื่องท่านกับคนอื่น เรื่องที่พูดหลายๆ เรื่องก็เป็นเรื่องที่เกิดกับท่าน ท่านเป็นประชาชนคนไทย จะเกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทยไหม ต้องดูบริบท”

ส่วนการที่ “ทักษิณ” ปราศรัยช่วยพรรคเพื่อไทยในการหาเสียงเลือกตั้ง นายก อบจ.อุดรธานี นั้น “ภูมิธรรม” บอกว่า จะบอกว่าไม่เกี่ยวเลยก็ไม่ได้ เพราะถือว่าเป็นผู้ช่วยหาเสียงของพรรคเพื่อไทย แต่สิ่งที่คุณทักษิณพูดนั้นไมได้เป็นบริบททั้งหมดของพรรคเพื่อไทย ประเด็นเห็นขัดแย้งก็เป็นเรื่องของคนสองคน ที่ไม่อาจรู้ได้ แต่ไม่ใช่เรื่องกระบวนการจัดตั้งรัฐบาล

“คนที่เคยศรัทธาคุณทักษิณ หรือคนกลางๆ แล้วรู้สึกได้รับประโยชน์จากการทำนโยบาย ก็ยังเป็นถือภาพบวก แต่ถ้าได้จากคนที่รู้สึกว่าไม่สบายใจตั้งแต่เป็นมาตั้งแต่พรรคไทยรักไทย ก็ยังเป็นลบอยู่ แต่สำหรับคนกลางๆ และพรรคการเมืองคู่ต่อสู้ก็มองเป็นลบต้องเอาชนะอยู่แล้ว”

“ทุกอย่างเป็นตามกระบวนกฎหมายไม่ว่ามายังไง ทุกฝ่ายได้ประโยชน์เท่ากัน ไม่ได้ประโยชน์ก็เท่ากัน”

ตัดตอนการเมือง‘เขากระโดง’ ปัญหาของศาล ไม่ใช่รัฐบาล

ไม่ยาก พท.200 อัพ ไม่กลัวซักฟอก

ส่วนกรณี “ทักษิณ” ประเมินพรรคเพื่อไทยจะได้สส. 200 เสียงจากเดิมที่ได้เพียง 141 เสียงในการเลือกตั้งเมื่อปี 2566 “ภูมิธรรม” ระบุว่า สส.อีก 60 เสียงไม่ใช่เรื่องยาก เพราะว่าเราแพ้ในจังหวัดไม่กี่จังหวัด ดังนั้น รวมๆ ตรงนี้แล้วที่แพ้เป็น 100 เสียง

“ภูมิธรรม” ยอมรับสถานการณ์ทางการเมืองเวลานี้เปลี่ยนแปลงไปแม้พรรคเพื่อไทยจะมีภาพลักษณ์กระทบเรื่องตระบัดสัตย์ แต่ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยไม่ได้ตระบัดสัตย์ เพราะได้ตกลงจะเลือก “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกลเป็นนายกฯ และโหวตให้เต็มทั้งสองครั้ง แสดงว่าดันเต็มที่แล้ว ไม่สามารถรวมเสียงข้างมากให้ครบถ้วนได้ เมื่อรัฐบาลต้องมีเพื่อแก้ปัญหาต่อต้องตัดสินใจ ในกระบวนการประชาธิปไตยเป็นเรื่องธรรมดา

ส่วนปัญหาคู่แข่งกับพรรคประชาชนนั้น ภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องถามพรรคคู่แข่งอย่างคิดว่าพรรคเพื่อไทยเป็นคู่แข่งหรือไม่ ในทางปฏิบัติเราแข่งกับตัวเอง และที่ผ่านมาที่ไม่ใช่สถานการณ์กระทบกัน ต่างคนต่างทำงาน เราไม่ได้สู้กับพรรคประชาชน

ถามทิ้งท้ายถึงเปิดสมัยประชุมรัฐสภาสมัยหน้า พรรคประชาชนจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ภูมิธรรม ยืนยันว่า “ไม่กลัวหรอกครับ เพราะเป็นหน้าที่ เราเชื่อว่าสิ่งที่เราทำดีที่สุดตามสถานการณ์”