จันทบุรี ติดเชื้อโควิดเพิ่มเป็น 7 ราย ผู้ว่าฯแจงไทมไลน์ตระเวนเล่นพนัน

นายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจันทบุรี พร้อมด้วย นายแพทย์ อภิรักษ์ พิศุทธ์อาภรณ์ นายแพทย์ สาธารณสุขจันทบุรี ตั้งโต๊ะแถลงข่าว สถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด 19 ใน จ.จันทบุรี หลังจาก เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 63 ที่ผ่านมา จันทบุรี ยืนยันตรวจพบผู้ติดเชื้อแล้ว 3 ราย จากการส่งผลตรวจ 4 ราย เป็นผู้เสี่ยงที่เดินทางไปบ่อนการพนัน จ.ระยอง และเข้าพบแพทย์ ผลครั้งแรกเป็นบวก พร้อมเปิดเผย ไทม์ไลน์ ผู้ติดเชื้อทั้ง 3 ราย พบ ตระเวนเล่นพนันในบ่อน 3 จังหวัด

นายแพทย์ อภิรักษ์ พิศุทธ์อาภรณ์ นายแพทย์ สาธารณสุขจันทบุรี ได้แถลงความคืบหน้าสถานการณ์ การแพร่ระบาดเชื้อโควิด 19 ใน จ.จันทบุรี ล่าสุดว่าขณะนี้ ได้มีการตรวจพบ ผู้ติดเชื้อ เพิ่มอีก 7 ราย อยู่ในระหว่างรอผลจากห้องปฏิบัติการยืนยัน โดยผู้ที่ตรวจพบติดเชื้อทั้ง 7 ราย พบเกี่ยวพัน สัมผัสกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ จ.ระยองอยู่ในระหว่าง การสอบสวนไทม์ไลน์เพิ่มเติม พร้อมกันนี้ ได้เปิดเผย ไทม์ไลน์ ผู้ติดเชื้อ 3 ราย แรก โดยละเอียด

ประกอบด้วย 1. เพศชาย อายุ 34 ปี อาชีพทำธุรกิจส่วนตัว คมบางกะจะ อ. เมือง จ. จันทบุรี วันที่ 15 ธ.ค.63 เวลา 09.00 น. เดินทางโดยรถยนต์ไปเล่นพนัน ใกล้ห้างตัวเมืองระยอง วันที่ 16 ธ.ค. 63 เวลา 05.00น. เดินทางกลับจันทบุรี แวะส่งเพื่อนที่สี่แยกตากวิน พักที่บ้าน ต.บางกะจะ อ.เมือง จันทบุรี

วันที่ 17 ธ.ค.63 เวลา 13.00 น. เดินทางไปทำบุญที่วัดป่าคลองกุ้ง และเดินทางไปเล่นพนันที่ ต.แสนตุ้ง อ.เขาสมิง จ.ตราด วันที่ 18 ธ.ค.63 เวลา 03.00 น. เดินทางกลับจาก จ.ตราด พร้อมเพื่อน ไปเล่นพนันที่บ่อน ต.หนองสีงา อ.นายายอาม จ.จันทบุรี

วันที่ 19 – 25 ธ.ค. 63 เวลา 05.00 น. ออกจากบ้านพัก ไปเล่นพนันที่บ่อนเนินสูง วันที่ 26 ธ.ค. 63 เริ่มมีอาการคัดจมูก ปวดหัว กินยาไม่ดีขึ้น รู้ข่าวติดเชื้อจากระยอง เวลา 18.00 น. เดินทางมาตรวจที่ รพ.พระปกเล้าฯ ผลเป็นบวก

2. เพศหญิง อายุ 53 ปี อาชีพ แม่บ้าน ต.เกาะขวาง อ เมือง จ.จันทบุรี วันที่ 15 -16 ธ.ค. 63 เดินทางโดยรถยนต์พร้อมเพื่อน 3 คน ( ผู้ติดเชื้อรายที่ 3 ) ไปเล่นพนันที่ บขส.เก่า จ.ระยอง

วันที่ 17-22 ธ.ค. 63 ผู้ป่วยไม่ให้ประวัติเดินทาง อ้างจำไม่ได้ บอกว่าพักอยู่บ้านที่จันทบุรี วันที่ 23 ธ.ค.63 ช่วงเช้า เริ่มไอแห้งๆ ซื้อยากินเองที่ร้านขายยาใน อ.เมือง และพักอยู่บ้าน วันที่ 24 ธ.ค. 63 เดินทางไปพบแพทย์ ที่ รพ.เอกชน ด้วยอาการทางเดินปัสสาวะอักเสบ วันที่ 25 ธ.ค. 63 มีอาการคัดจมูก ปวดศีรษะ ไปหาหมอที่ รพ.เอกชน วันที่ 26 ธ.ค. 63 มีอาการจมูกไม่ได้กลิ่น โทรสายด่วนโควิดและกักตัวอยู่บ้าน วันที่ 27 ธ.ค. 63 เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวมาตรวจที่ รพ.พระปกเกล้าฯ ผลเป็นบวก

3. เพศชาย อายุ 54 ปี อาชีพ อิสระ ต.เขาวัว อ.ท่าใหม่ , อ.เมือง จ.จันทบุรีวันที่ 14-15 ธ.ค. 63 เวลา 05.00น. เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว พร้อมภรรยา (ไม่มีบุตร) พร้อมเพื่อน 2 คน ( ผู้ป่วยรายที่2 ) ไปเล่นพนันที่ บขส.เก่า ระยอง วันที่ 16-17 ธ.ค. 63 เวลา 22.00 น.- 05.00น. เดินทางไปเล่นพนัน ที่ อ.เมือง ระยอง วันที่ 18 ธ.ค.63 เวลา 19.00 น. เดินทางกลับ จ.จันทบุรี วันที่ 19-22 ธ.ค. 63 พักอาศัยอยู่บ้าน ที่ ต.เขาวัว อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี วันที่ 23 ธ.ค. 63 เวลา 05.00น. เดินทางไปซื้อกับข้าวที่ ตลาดเขาไร่ยา ต.ท่าช้าง อ.เมือง จ.จันทบุรี เวลา 20.00 น. มีอาการปวดตามร่างกาย จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รู้รส คอแห้ง วันที่ 24 ธ.ค. 63 อาศัยอยู่บ้าน วันที่ 25 ธ.ค. 63 เวลา 6.00 น. เดินทางโดยรถยนต์ไปตลาด ห้วยสะท้อน อ.ท่าใหม่ วันที่ 26 ธ.ค. 63 พักอยู่บ้าน วันที่ 27 ธ.ค. 63 เวลา 14.00 น. เดินทางพร้อมภรรยา มาตรวจที่ รพ.พระปกเกล้าฯ ตัวเองผลเป็นบวก ภรรยา ไม่พบเชื้อ ขณะที่ทาง จ.จันทบุรี

นายสุธี ทองแย้ม ผวจ.จันทบุรี ได้กล่าวร้องขอ ให้ผู้ที่มีประวัติเดินทาง หรือพบ สัมผัสกลุ่มเสี่ยงที่ จ.ระยอง หรือบ่อนพนันตามไทม์ไลน์ผู้ที่ติดเชื้อ ไห้รีบมาพบแพทย์เพื่อทำการตรวจโดยเร่งด่วน และ เน้นย้ำไปที่กลุ่มเสี่ยง ทั้งผู้ที่เดินทางโดยรถโดยสารไป-กลับ จ.ระยอง และกลุ่มแรงงานชาวเมียนมา โดยขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ให้ช่วยสอดส่องดูแล ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันและลด

การแพร่ระบาดของเชื้อ โควิด 19 พร้อมกันนี้ ได้ออกประกาศคำสั่ง เรื่อง ปิดสถานที่ในพื้นที่ จ.จันทบุรี เป็นการชั่วคราว เพื่อป้องกันและลดการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด 19 โดยความเห็นของคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.จันทบุรี เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 63 มีคำสั่งให้ปิดโรงเรียนในพื้นที่เสี่ยง , สนามชนไก่ , สนามซ้อมชนไก่, สนามกัดปลา , สนามซ้อม กัดปลา และสถานที่จัดให้มีการเล่นการพนันทุกประเภท รวมถึงสนามการแข่งขันหรือสถานที่อื่นใดที่มีประชาชน มารวมตัวกันเพื่อนการพนัน หรือการเล่นซึ่งมีลักษณะทำนองเดียวกัน ไม่ว่าจะมีการเข้าพนันด้วยหรือไม่ก็ตามผู้ใดฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน สองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตั้งแต่วันที่ 28 ธ.ค.2563 เป็นต้นไปจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง