ราชกิจจาฯ ประกาศคำสั่งศูนย์แก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ดำเนินการกับ 'โควิด'

ราชกิจจาฯ ประกาศคำสั่งศูนย์แก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ดำเนินการกับ 'โควิด'

ราชกิจจานุเบกษา ประกาศคำสั่งศูนย์แก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินฯ เกี่ยวกับการตรวจกิจการและกิจกรรมที่มีประชาชนจำนวนมาก สถานประกอบการใช้แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย การตั้งจุดตรวจ ห้ามไม่ให้ ชุมนุม มั่วสุม ในสถานที่แออัด

ราชกิจจานุเบกษา ได้ลงเผยแพร่คำสั่งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ที่ 31/2563 ลงนามโดย พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์  กำหนดแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับ โควิด 19 

เพื่อให้การปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 15) เป็นไปด้วยความเรียบร้อย อาศัยอำนาจตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 4/2563 ลงวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2563 เรื่อง แต่งตั้งผู้กำกับการ ปฏิบัติงาน หัวหน้าผู้รับผิดชอบและพนักงานเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ข้อ 3 (6) ข้อ 4 และข้อ 5 คำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 39/2563 ลงวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2563 เรื่อง การจัดโครงสร้างของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เพิ่มเติม (ฉบับที่ 5) และคำสั่งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ที่ 1/2563 ลงวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2563 เรื่อง การจัดโครงสร้างของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ข้อ 1 จึงกำหนดแนวทางการปฏิบัติ ดังนี้

1. ให้การปฏิบัติตามคำสั่งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงในเรื่องปรับการตั้งจุดตรวจควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 จัดตั้งคณะตรวจการประกอบกิจการและกิจกรรมตามมาตรการผ่อนคลาย แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ มอบหน้าที่และอำนาจ และแต่งตั้งหัวหน้าคณะตรวจการประกอบกิจการและกิจกรรมตามมาตรการผ่อนคลาย ยังมีผลบังคับใช้ โดยปรับการปฏิบัติให้สอดคล้องกับแนวทางที่กำหนดต่อไป รวมทั้งดำรงความต่อเนื่องในการตรวจกิจการและกิจกรรมที่มีประชาชนเข้าร่วมจำนวนมาก และสถานประกอบการที่มีแนวโน้มการใช้แรงงานต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายโดยให้ความสำคัญกับการตรวจสอบผู้ที่เข้ามาตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 ซึ่งไม่ปฏิบัติตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง มีการอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพูดอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษเป็นลำดับแรก รวมทั้งรณรงค์ส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ให้สถานประกอบการและประชาชนตระหนักและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค ตลอดจนแจ้งเบาะแสแก่ทางราชการ หากพบว่ามีผู้ละเมิดมาตรการป้องกันโรค

2. ดำรงความต่อเนื่องในการตั้งจุดตรวจร่วม และชุดสายตรวจร่วม เพื่อสนับสนุนการบังคับใช้มาตรการห้ามใช้หรือเข้าไปในพื้นที่เสี่ยงต่อการติดโรค การปิดสถานที่เสี่ยงต่อการติดโรค การห้ามมิให้มีการชุมนุม การทำกิจกรรม หรือการมั่วสุมกัน ณ ที่ใดๆ ในสถานแออัด อันทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือแพร่ระบาดของเชื้อ หรือการกระทำอันเป็นการฉวยโอกาสซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน ตลอดจนการเฝ้าระวัง ตรวจและคัดกรองการเดินทางและการเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว ตามที่ผู้มีอำนาจหน้าที่ได้มีคำสั่ง ประกาศ หรือกำหนดแล้วแต่กรณี

3.เพิ่มความเข้มงวดในการเฝ้าตรวจ สกัดกั้น และดำเนินการกับผู้หลบหนีเข้าเมือง โดยให้ความสำคัญกับการตรวจสอบผู้ที่เข้ามาตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 ซึ่งไม่ปฏิบัติตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง มีการอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษเป็นลำดับแรกในเขตรับผิดชอบ โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 และมีสถิติการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย รวมทั้งประสานใช้กลไกด้านการปกครองในระดับพื้นที่ในการเฝ้าระวัง ค้นหา และการแจ้งเบาะแสผู้หลบหนีเข้าเมือง ตลอดจนเพิ่มมาตรการการตรวจสอบบุคคลและยานพาหนะในพื้นที่จังหวัดชายแดนและพื้นที่ชั้นใน โดยเฉพาะขบวนการนำพาและผู้เกี่ยวข้องกับผู้หลบหนีเข้าเมือง ทั้งนี้ ให้ดำเนินการสอบสวนผู้กระทำผิดเพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการป้องกันการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายต่อไป

4. ให้บรรดาคำสั่ง ประกาศ หลักเกณฑ์ หรือมาตรการใดๆ ที่ได้ออกภายใต้หน้าที่และอำนาจของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 6/2563 ลงวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2563 เรื่อง การจัดโครงสร้างของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งมีผลอยู่ในวันก่อนวันที่คำสั่งนี้มีผลบังคับใช้ ให้ยังคงใช้บังคับได้ต่อไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับคำสั่งนี้

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2563 เป็นต้นไป

สั่ง ณ วันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2563

พลเอก เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์
ผู้บัญชาการทหารสูงสุด
หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง

ราชกิจจาฯ ประกาศคำสั่งศูนย์แก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ดำเนินการกับ \'โควิด\'

ราชกิจจาฯ ประกาศคำสั่งศูนย์แก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ดำเนินการกับ \'โควิด\'