'สิงคโปร์-เวียดนาม'ผู้ชนะตัวจริงสงครามโควิด

'สิงคโปร์-เวียดนาม'ผู้ชนะตัวจริงสงครามโควิด

การสู้รบอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อปราบปรามไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ ต้นตอโรคโควิด-19 ของทุกประเทศทั่วโลกขณะนี้ ทำให้เทศกาลเฉลิมฉลองเพื่อส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่หงอยเหงาอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งบรรยากาศของการเฉลิมฉลองของทั่วโลกคงไม่มีวันเหมือนเดิมอีกแล้ว

การสู้รบอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อปราบปรามไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ ต้นตอโรคโควิด-19 ของทุกประเทศทั่วโลกขณะนี้ ทำให้เทศกาลเฉลิมฉลองเพื่อส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่หงอยเหงาอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งบรรยากาศของการเฉลิมฉลองของทั่วโลกคงไม่มีวันเหมือนเดิมอีกแล้ว ด้วยวิถีปฏิบัติแบบใหม่ ที่ทุกคนจำเป็นต้องปฏิบัติตามเพื่อความปลอดภัยของชีวิต

ล่าสุด “โจเซฟ อินคัลคาเทอรา” นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคารเอชเอสบีซี ระบุว่า สิงคโปร์ปละเวียดนาม ประสบความสำเร็จในการควบคุมไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ในปีนี้ได้อย่างดีและมีแนวโน้มว่าจะสามารถควบคุมโรคนี้ได้ต่อเนื่องจนถึงปีหน้าตลอดทั้งปี ทั้งยังแจกจ่ายวัคซีนต้านโควิด-19ให้แก่ประชาชนได้อย่างทั่วถึงในวงกว้าง ซึ่งจะทำให้ทั้งเวียดนามและสิงคโปร์ ได้ประโยชน์เต็มที่จากการควบคุมสถานการณ์แพร่ระบาดนี้ได้

“สิงคโปร์ควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19ได้อย่างดีและในช่วงเวลาที่ประเทศส่วนใหญ่ในโลกพากันประกาศใช้มาตรการคุมเข้มด้านต่างๆ สิงคโปร์กลับดำเนินมาตรการตรงกันข้าม”นักเศรษฐศาสตร์จากเอชเอสบีซี กล่าว

สัปดาห์นี้เป็นเฟสที่3ในการเปิดประเทศรอบใหม่ของสิงคโปร์ และขณะนี้ สิงคโปร์อนุญาตให้มีการรวมกลุ่มกันของผู้คนได้ 8 คนจากเดิม5คน ขณะที่กิจกรรมต่างๆเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวสามารถทำได้มากขึ้นจาก 50% เป็น 65% ทันทีที่ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานด้านการท่องเที่ยว

นอกจากควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19ได้แล้ว อินคัลคาเทอรา ยังบอกด้วยว่าสิงคโปร์มีกลยุทธ์ด้านวัคซีนต้านโควิด-19ที่มีประสิทธิภาพ

“ต้องยกความดีความชอบให้กับการที่สิงคโปร์มีประชากรไม่มาก โดยข้อมูลปี2561 สิงคโปร์มีประชากร 5.639 ล้านคน ทำให้แนวโน้มของสิงคโปร์ในปีนี้จึงสดใสอย่างมากด้วยความที่สิงคโปร์มีการดำเนินงานในด้านต่างๆที่เป็นมาตรฐานอยู่แล้ว”นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคารเอชเอสบีซี ระบุ

นายกรัฐมนตรีลี เซียนหลุงของสิงคโปร์ กล่าวว่า รัฐบาลมีวัคซีนต้านโควิด-19ในปริมาณที่เพียงพอสำหรับฉีดให้กับประชาชนทุกคนภายในไตรมาส3ของปีนี้ และสิงคโปร์เป็นประเทศแรกในเอเชียที่ได้รับการส่งมอบวัคซีนต้านโควิด-19จากบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเท็คเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.ปี 2563

ด้านบริษัทโมเดอร์นา ผู้วิจัยวัคซีนของสหรัฐ ก็เปิดเผยเมื่อเร็วๆนี้ว่าบริษัทสามารถบรรลุข้อตกลงการส่งมอบวัคซีนให้รัฐบาลสิงคโปร์เช่นกัน

อินคัลคาเทอรา จากเอชเอสบีซี ยังกล่าวชื่นชมเวียดนามที่รับมือการระบาดของโรคโควิด-19ได้อย่างดีจนทำให้เวียดนามสามารถรักษาความมีเชื่อเสียงของประเทศในฐานะจุดหมายปลายทางด้านการลงทุนโดยตรงของต่างประเทศ (เอฟดีไอ)ได้เป็นอย่างดี เวียดนามถูกมองว่าเป็นศูนย์กลางการผลิตทางเลือกใหม่สำหรับบริษัทข้ามชาติที่ต้องการย้ายฐานการผลิตออกจากจีน “ปีนี้เราจะได้เห็นเอฟดีไอในเวียดนามเพิ่มขึ้นต่อเนื่องแน่นอน”นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคารเอชเอสบีซี กล่าว

แต่ในเรื่องของการแจกจ่ายวัคซีนต้านโควิด-19นั้น อินคัลคาเทอรา มีความเห็นว่า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังไม่ได้ประโยชน์จากวัคซีนต้านโควิดอย่างทั่วถึงในอนาคตอันใกล้ เพราะปัญหาความยุ่งยากด้านโลจิสติกส์ในพื้นที่ชนบทของภูมิภาค