เซ็นทรัลชูพาร์ทเนอร์ชิพแคมเปญ ปลุก'ท่องเที่ยว'หวังแรงส่งฟื้นศก.
“เซ็นทรัลพัฒนา” เดินหน้าปลุกใช้จ่าย กระตุ้นเศรษฐกิจ ผนึกกำลังผู้ประกอบการ “ท่องเที่ยว-โรงแรม” ชูความได้เปรียบเครือข่ายทั่วประเทศปั้น “พาร์ทเนอร์ชิพแคมเปญ” ปั้น “สเตย์เคชั่น-เวิร์กเคชั่น” เจาะลูกค้ากระเป๋าหนัก ลุย “เนเบอร์ฮู้ดโปรแกรม”หนุนธุรกิจชุมชน
สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบสองยังอยู่ในช่วงการเฝ้าระวัง แต่ภาครัฐมีแนวโน้มผ่อนปรนและคลายล็อกดาวน์ธุรกิจเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง นับเป็นจังหวะของการเร่งทำการตลาดเชิงรุกของผู้ประกอบการค้าปลีก ห้างร้าน ศูนย์การค้า ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักหน่วงมาตั้งแต่ปี 2563 เพื่อฟื้นฟูธุรกิจให้ได้รับความเสียหายน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
นายณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้บริการธุรกิจศูนย์การค้าและอสังหาริมทรัพย์ไทย อาทิ เซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัลพลาซา, เซ็นทรัลเฟสติวัล, เซ็นทรัล ภูเก็ต และเซ็นทรัล วิลเลจ รวม 33 สาขาทั่วประเทศ กล่าวว่า ที่ผ่านมาทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนได้ร่วมมือควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเต็มที่ โดยขณะนี้รัฐมีการประกาศคลายล็อกดาวน์ธุรกิจเพิ่มเติมมากขึ้น นับเป็นสัญญาณบวกของการเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจและเศรษฐกิจของประเทศ
ทั้งนี้ เซ็นทรัลพัฒนาโฟกัส 3 กลยุทธ์การตลาดที่สำคัญ กลยุทธ์แรก “บิ๊กอิมแพ็คแคมเปญ” โดยมีแผนเดินหน้าจัดแคมเปญใหญ่และแรงเพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย ซึ่งศูนย์การค้าเซ็นทรัล มีผู้เช่ากว่า 15,000 รายทั่วประเทศ การลงทุนทำแคมเปญใหญ่แต่ละครั้งจะช่วยให้ร้านค้าและพนักงานมีรายได้มากขึ้น ส่งผลต่อเศรษฐกิจทั่วประเทศจากเครือข่ายธุรกิจ
กลยุทธ์ที่สอง "Strengthen business ecosystem" โดยสร้างแวลูเชน (Value-chain) ในธุรกิจที่เกื้อหนุนซึ่งกันและกันผ่านพันธมิตร หรือ Partnership campaign ในหลากหลายธุรกิจ โดยเฉพาะ ท่องเที่ยวและโรงแรม ซึ่งเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาผู้ประกอบการภาครัฐและเอกชนกลุ่ม Hospitality ในการจัดแคมเปญโปรโมชั่นใหญ่ช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย. นี้
“เป็นการใช้ความได้เปรียบของเครือข่ายศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ ทั้งเมืองท่องเที่ยว พัทยา เชียงใหม่ ภูเก็ต จับมือกับโรงแรมในเครืออย่างเซ็นทารา และฮิลตัน ทำโปรแกรม Staycation และ Workcation เจาะกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูง หรือ Top Spender ซึ่งไม่เพียงช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวในจังหวัดนั้นๆ แต่ยังรวมถึงจังหวัดใกล้เคียงด้วย”
หนุนผู้เช่ากระตุ้นยอดขาย
นอกจากนี้ ยังเตรียมจัด เนเบอร์ฮู้ด โปรแกรม (Neighborhood Program) ช่วยเหลือธุรกิจชุมชนใกล้ศูนย์การค้า เน้นกลุ่มธุรกิจอาหาร (Food) ที่จะมีการจับมือกับพาร์ทเนอร์ดีลิเวอรีทำแคมเปญส่งฟรีอีกด้วย
ขณะเดียวกัน ดำเนินนโยบาย “รุกเร็ว” ช่วยเหลือผู้เช่า โดยจับมือกับร้านค้าพันธมิตร เปิดพื้นที่ฟรีตั้งเคาน์เตอร์บริการทั้งดีลิเวอรี และเทกอะเวย์ เพื่อกระตุ้นยอดขายให้ร้านอาหารผู้เช่ากว่า 300 ราย ใน 18 สาขาทั่วประเทศ
รวมทั้งจับมือภาครัฐช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและท้องถิ่น ให้พื้นที่ฟรี พาผู้ขายมาพบผู้ซื้อ รวมพื้นที่กว่า 40,000 ตร.ม. ในการช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอี ชุมชนท้องถิ่น รวมถึงอาชีพต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด อาทิ เซ็นทรัลเวิลด์ ร่วมกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ จัดงานฟรุ๊ตแอนด์ฟาร์มเฟสติวัล เป็นต้น
เข้มมาตรการปลอดภัยยุคเน็กซ์นอร์มอล
กลยุทธ์ที่ 3 มีความสำคัญอย่างมากในการตอบรับยุคเน็กซ์นอร์มอล (Next Normal) ที่ยังคงเคร่งครัดสุขอนามัยและความปลอดภัย “Hygiene & Safety Leader: เซ็นทรัลยกการ์ดสูงทั่วไทย” ยกระดับมาตรการแผนแม่บท “เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ” ใช้ชีวิตปกติได้อย่างปลอดภัยเริ่มที่ตัวเรา
“โควิดยังคงอยู่กับเราไปอีกนานแม้จะมีวัคซีนแล้วก็ตามช่วยในด้ามความมั่นใจและช่วยให้ธุรกิจวางแผนได้ง่ายขึ้นแต่ยังไม่มีใครรับประกันได้ว่าโควิดจะหมดไปเมื่อไรอย่างไร และสถานการณ์จะไม่มีการระบาดรอบสาม”
ดังนั้น ประชาชนต้องมีวินัยในการดูแลตัวเองและรับผิดชอบต่อผู้อื่น โดยศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศยังคงคุมเข้มกับการรักษามาตรการอย่างเต็มที่
ทุ่ม200ล้านปลุกไตรมาสแรก
ทั้งนี้ เซ็นทรัลพัฒนา จัดสรรงบกว่า 200 ล้านบาทในการทำตลาดเชิงรุกในไตรมาสแรก โดยจับมือ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เจ้าของเครือข่ายธุรกิจค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของไทย และพันธมิตรธุรกิจบัตรเครดิต รวมทั้ง บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) จัดบิ๊กแคมเปญ “The Great Chinese New Year 2021-The Land of Luck” สุขสมหวัง มั่งคั่ง โชคดี ตรุษจีนนี้ที่ฉันรัก ต้อนรับปีฉลูทองแท้ มหามงคลที่ 60 ปี มีเพียงครั้งเดียว เพื่อสร้างบรรยากาศกระตุ้นการใช้จ่ายในเทศกาลตรุษจีน โดยตอกย้ำความเป็นเดสทิเนชั่นจับจ่าย-ไหว้-กิน-เที่ยว ครบวงจร ภายใต้มาตรการความสะอาดและปลอดภัยขั้นสูงสุด
“โปรโมชั่นแรงทุกศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้ากลุ่มเซ็นทรัล สินค้าลดราคาสูงสุด 70% สินค้าใหม่ลดสูงสุด 30% พร้อมสิทธิพิเศษต่างๆ เชื่อว่าจะดึงลูกค้ามาจับจ่ายเพิ่มขึ้น 15-20%”
ทราฟฟิกเฉลี่ย 60-75%
สำหรับภาพรวมธุรกิจศูนย์การค้าเซ็นทรัลมีลูกค้าใช้บริการ 60-75% ขณะที่ศูนย์การค้าในเมืองท่องเที่ยวที่มีลูกค้าต่ำกว่า 50% เช่น สมุย ส่วนพื้นที่ไม่มีปัญหาเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด พบว่าลูกค้ามาใช้บริการสูงถึง 80% เช่น ศาลายา นครศรีธรรมราช สำหรับเซ็นทรัลเวิลด์ มีลูกค้าเฉลี่ย 40,000-50,000 คน หรือคิดเป็น 48-50%จากห้วงเวลาปกติก่อนโควิด มีลูกค้าใช้บริการที่ 1.2-1.5 แสนคนต่อวัน
“เวลานี้การบริหารจัดการทุกอย่างเรามองเดือนต่อเดือน ทั้งงบในการทำตลาด แผนการจัดอีเวนท์ โปรโมชั่นเพราะสถานการณ์เปลี่ยนตลอดเวลา”