แรงงานนับหมื่น เฮ! ฝึกอบรมความปลอดภัย ฟรี
แรงงานนับหมื่น เตรียมฝึกอบรมความปลอดภัย ฟรี ลดสถิติการประสบอันตรายจากการทำงาน สร้างการรับรู้มาตรการเชิงป้องกันแก่ผู้ใช้แรงงานสามารถนำความรู้ไปใช้ป้องกันการประสบอันตรายจากการทำงานได้จริง
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญกับพี่น้องผู้ใช้แรงงานทุกคนทุกกลุ่มต้องได้รับสวัสดิการและการคุ้มครองตามกฎหมาย เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี รวมทั้งมีความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน
ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จึงได้มอบหมายให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานดำเนินการจัดฝึกอบรมให้แก่หน่วยงานฝึกอบรมที่ได้รับอนุญาตจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเป็นผู้จัดฝึกอบรมความปลอดภัยในการทำงานให้แก่ผู้ใช้แรงงานโดยไม่เรียกเก็บค่าบริการ ระหว่างเดือนมกราคม - มีนาคม 2564 หลักสูตรความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ตามกฎหมาย ซึ่งกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน รับผิดชอบดำเนินการภายใต้แนวคิดชื่อ “ฝึกฟรี มีทักษะ ชนะอุบัติภัย ใส่ใจแรงงาน”
สำหรับหลักสูตรดังกล่าว ได้แก่ เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับบริหาร ระดับหัวหน้างาน ระดับเทคนิค คณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน การทำงานในที่อับอากาศ ดับเพลิงขั้นต้น ฝึกซ้อมดับเพลิงและฝึกซ้อมอพยพหนีไฟ เป็นต้น ซึ่งมีหน่วยงานฝึกอบรมสมัครเข้าร่วมแคมเปญ จำนวน 207 หน่วยงาน แบ่งเป็น หน่วยงานภาคเอกชน จำนวน 70 หน่วยงาน และหน่วยงานภาคราชการ จำนวน 137 หน่วยงาน อบรมให้แก่ผู้ใช้แรงงาน จำนวน 15,007 คน โดยไม่เรียกเก็บค่าบริการ สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในการอบรมหลักสูตรตามที่กฎหมายกำหนด จำนวน 17,597,500 บาท
นายสุชาติ กล่าวต่อว่า จากรายงานของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานถึงความคืบหน้า
การจัดฝึกอบรมความปลอดภัยในการทำงานให้แก่ผู้ใช้แรงงานปรากฎว่า ณ วันที่ 26 ก.พ. 64 มีหน่วยฝึกอบรมดำเนินการจัดฝึกอบรมแล้ว จำนวน 36 หน่วยงาน ประกอบด้วย หน่วยงานภาคเอกชน จำนวน 14 หน่วยงาน และหน่วยงานภาคราชการ จำนวน 22 หน่วยงานให้แก่ผู้ใช้แรงงาน จำนวน 2,880 คน โดยไม่เรียกเก็บค่าบริการ สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในการอบรมหลักสูตรตามกฎหมายกำหนด จำนวน 611,000 บาท
นายรุจน์ เฉลยไตร เครือข่ายชมรมเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานพระนคร ร่วมกับบริษัท เพอร์เฟค เซฟตี้เทรนนิ่ง แอนด์ คอนซัลติ้ง จำกัด เป็นหน่วยฝึกอบรมที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน หนึ่งในผู้เข้าร่วมโครงการอบรม หลักสูตร “เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับหัวหน้างาน และระดับบริหาร เห็นว่าโครงการดังกล่าวเป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้แรงงาน ซึ่งทางบริษัทฯ ยินดีที่จะร่วมโครงการฯ โดยไม่คิดค่าบริการ เพื่อร่วมกันลดสถิติการประสบอันตรายจากการทำงาน และเพื่อสร้างการรับรู้มาตรการเชิงป้องกันความปลอดภัยในการทำงาน ซึ่งโครงการนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้แรงงาน
ด้าน นายไชยา ใจบำรุง รองผู้จัดการบริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โรงงานผลิตอาหารสัตว์บกหาดใหญ่ ในนามตัวแทนผู้บริหารของสถานประกอบกิจการในจังหวัดสงขลา จำนวน 30 แห่ง ที่เข้าร่วมโครงการฯ หลักสูตร “ความปลอดภัยในการทำงานในที่อับอากาศ” รุ่นที่ 1 สำหรับผู้อนุญาต กล่าวว่า เห็นด้วยกับการจัดโครงการฯ ฝึกอบรมด้านความปลอดภัยในการทำงาน ให้แก่ผู้ใช้แรงงาน ต้องขอขอบคุณรัฐบาล กระทรวงแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และบริษัท เซ้าเทอร์น เซฟตี้ จำกัด ที่เล็งเห็นความสำคัญของงานด้านความปลอดภัยในการทำงานในที่อับอากาศ ซึ่งแต่ละปีมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก
อีกทั้งบริษัทฯ จัดฝึกอบรมยังสละเวลาพร้อมทรัพยากรอันมีค่าต่างๆ ที่ใช้สำหรับฝึกอบรมโดยไม่คิดค่าบริการ และถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับสถานประกอบกิจการที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ทั้งนี้ ผมหวังว่ากระทรวงแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จะมีโครงการดีๆ ในรูปแบบนี้อีกในปีต่อๆ ไป
ขณะที่ นายธนยศ สว่างไสว พนักงาน บริษัท รักษาความปลอดภัย ดีเอสเอส จำกัด ในนามตัวแทนผู้เข้าฝึกอบรมหลักสูตร “การอบรมดับเพลิงขั้นต้น” และหลักสูตร “การฝึกซ้อมดับเพลิงและฝึกซ้อมอพยพหนีไฟ” กล่าวว่า ขอขอบคุณ รัฐบาลกระทรวงแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และห้างหุ้นส่วนจำกัด เอที เซล เซอร์วิส แอนด์ เทรนนิ่ง ที่ร่วมกันจัดฝึกอบรม ฟรี แก่ผู้ใช้แรงงาน เพื่อนำความรู้ที่ได้จากการฝึกอบรมไปใช้ในการป้องกันและระงับอัคคีภัยกรณีที่เกิดขึ้นในสถานประกอบกิจการ ผู้ใช้แรงงานไม่บาดเจ็บและเสียชีวิต ทรัพย์สินของสถานประกอบกิจการไม่เสียหาย ทั้งนี้ ผมในนามตัวแทน ผู้เข้าฝึกอบรมขอสัญญาว่า จะนำความรู้ที่ได้จากท่านวิทยากรไปใช้ในการปฏิบัติงานอย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างความปลอดภัยในการทำงานให้กับสถานประกอบกิจการของตนเองต่อไป และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รัฐบาล และกระทรวงแรงงาน จะจัดโครงการฝึกอบรมที่เป็นประโยชน์เช่นนี้ให้แก่ผู้ใช้แรงงานในปีต่อไปอีก