สืบสาวผู้ถือหุ้น 'คริสตัลคลับ-เอเมอรัลด์' พยานหลักฐานชัดฟันคดีอาญา?
รอง ผบช.น. เผยตั้งข้อหา "คริสตัลคลับ-เอเมอรัลด์" ต้นตอแพร่ "โควิด-19" ผิด 3 ข้อหา "ไม่มีใบอนุญาตให้บริการ-ผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน-ผิด พ.ร.บ.ควบคุมโรค" ขณะผู้ถือหุ้นพยานหลักฐานชัดฟันคดีอาญา?
เมื่อวันที่ 12 เม.ย. 64 พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยผ่านรายการ เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ถึงการตั้งข้อหาผู้จัดการร้านคริสตัลคลับ และเอเมอรัลด์ ว่า ผู้จัดการทั้งสองร้านถูกฟ้องร้องในข้อหาการตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต ผิด พ.ร.บ.สถานบริการ โดยทั้ง 2 ร้านไม่มีใบอนุญาตตามกฎหมาย มีเพียงใบอนุญาตคาราโอเกะเท่านั้น ซึ่งพนักงานสอบสวนมีความเห็นว่าใบอนุญาตคาราโอเกะไม่สามารถครอบคลุมได้ในสถานบริการนี้ เลยตั้งข้อหาว่าตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต และอีก 2 ข้อหาคือ เป็นความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และผิด พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ
"ความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ นั้น คือจัดให้มีการมั่วสุมกันในลักษณะที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อโรค ส่วน พ.ร.บ.โรคติดต่อนั้นก็ลักษณะคล้ายๆ กัน คือ กระทำการอันมีลักษณะต่อความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของเชื้อโรค" พล.ต.ต.ปิยะ กล่าว
รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวต่อว่า การกระทำผิดในลักษณะนี้ การดำเนินคดีในคดีอาญาจะมีความละเอียดอ่อนต่างจากคดีแพ่ง ถ้าเป็นคดีแพ่ง ทั้งกรรมการผู้จัดการ ผู้ถือหุ้นทั้งหมดจะถูกดำเนินคดีทั้งหมด แต่การดำเนินคดีอาญา ต้องดำเนินการตามพยานหลักฐานที่มีอยู่
"หลักฐานจะเป็นเช่นไร อัยการ ศาล จะเห็นด้วยหรือไม่ ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน ฉะนั้นถ้าพยานหลักฐานโยงไปถึงกรรมการผู้จัดการหรือผู้ถือหุ้นคนหนึ่งคนใดมีส่วนในการร่วมบริหาร หรือร่วมในการกระทำความผิด ผมว่าไม่รอด" รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าว
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวต่อว่า ตำรวจตั้งข้อหาผู้จัดการร้าน ในฐานะผู้บริหารร้าน โดยที่ตำรวจยังไม่ได้ตัดประเด็นใดทิ้ง เพราะกระบวนการสืบสวนยังคงดำเนินต่อ
"ยังเหลือการดำเนินการปิดสถานบริการ ตามประกาศ คสช. แต่ต้องดูพยานหลักฐานก่อน ถ้าเกิดหลักฐานเพียงพอที่จะสั่งปิดสถานบริการเป็นระยะเวลา 5 ปี ซึ่งกระบวนการสอบสวนนี้ยังคงดำเนินการต่อ ดังนั้น กระบวนการจึงดำเนินการตั้งข้อหาผู้จัดการร้านซึ่งปรากฎความผิดชัดเจน และอาศัยอำนาจ คสช. สั่งปิดร้านเป็นเวลา 5 ปี" พล.ต.ต.ปิยะ กล่าว
ส่วนกรณีที่ บก.น.5 ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตำรวจ สน.ทองหล่อปล่อยปละละเลย ไม่ตรวจตราสถานบริการให้ปฏิบัติตามมาตรการ พล.ต.ต.ปิยะ เปิดเผยว่า เป็นการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงว่าตำรวจมีความบกพร่องในหน้าที่อย่างไร หรือมีการได้รับประโยชน์จากสถานบริการทั้ง 2 แห่งอย่างไร ซึ่งถ้าผลปรากฎว่ามีการกระทำผิดวินัยก็จะมีการตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยอีกครั้ง