'ยิ่งใช้ยิ่งได้' ให้เงินคืนเป็น E-Voucher ใช้ร่วมกับ 'คนละครึ่งเฟส 3' ไม่ได้

'ยิ่งใช้ยิ่งได้' ให้เงินคืนเป็น E-Voucher ใช้ร่วมกับ 'คนละครึ่งเฟส 3' ไม่ได้

สรุปรายละเอียด "ยิ่งใช้ยิ่งได้" เบื้องต้นในหลักการคือ ไม่ให้เป็นเงินสด แต่จะให้เงินคืนเป็น E-Voucher สูงสุดไม่เกิน 7,000 บาท และถ้าเลือกใช้สิทธิ์ "ยิ่งใช้ยิ่งได้" แล้ว จะใช้ "คนละครึ่งเฟส 3" ไม่ได้

วันนี้ (7 พ.ค.64) เวลาประมาณ 16.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้ออกมาเปิดเผยรายละเอียดโครงการ "ยิ่งใช้ยิ่งได้" ในหลักการเบื้องต้นเท่านั้น (ยังไม่มีการนำเข้า ครม.เร็วๆ นี้) เพื่อสร้างความเข้าใจและป้องกันการสับสนเกี่ยวกับจำนวนวงเงิน และลักษณะการใช้สิทธิ์ของโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ ได้รวบรวมข้อมูลและสรุปมาให้แล้ว ดังนี้

1. "ยิ่งใช้ยิ่งได้" ไม่ได้ให้เงินสด แต่จะให้เงินคืนเป็น E-Voucher

เป็นโครงการใหม่จากรัฐบาล เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในระยะที่ 2 ช่วงครึ่งปีหลัง คือตั้งแต่เดือน ก.ค. - ธ.ค. 2564 โดยจะดำเนินการหลังจากที่มาตรการ "เราชนะ" และ "ม.33เรารักกัน" สิ้นสุดลงในเดือนมิถุนายน 2564 เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศของกลุ่มผู้มีกำลังซื้อสูง ใช้งบประมาณในโครงการฯ 2.8 หมื่นล้านบาท และคาดว่าจะมีเงินสะพัดราว 268,000 ล้านบาท

โดยรัฐจะสนับสนุนให้ประชาชนออกมาใช้จ่ายกับร้านค้า/บริการ กับผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เมื่อจ่ายค่าสินค้าแล้วจะได้เงินคืนในรูปแบบ E-Voucher สูงสุดไม่เกิน 7,000 บาทต่อคน ไม่ใช่การโอนเงินให้ใช้จ่ายเหมือนโครงการเราชนะ/ม.33เรารักกัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

162039085543

2. เงื่อนไข/คุณสมบัติผู้มีสิทธิ์ "ยิ่งใช้ยิ่งได้" ใครได้บ้าง?

ข้อควรรู้! ถ้าเลือกใช้ "ยิ่งใช้ยิ่งได้" ไปแล้ว จะใช้สิทธิ์ "คนละครึ่งเฟส 3" ซ้ำซ้อนไม่ได้ ดังนั้นผู้ที่เลือกจะใช้สิทธิ์ในโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ จะต้องเช็คคุณสมบัติของตน พร้อมทำตามเงื่อนไขของโครงการ ได้แก่ 

  • ลงทะเบียนผ่าน www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com (มาตรการจะยังไม่เริ่มเร็วๆ นี้ วันลงทะเบียนที่ชัดเจนคลังจะแจ้งอีกครั้ง)
  • มีสัญชาติไทย อายุ 18 ปีขึ้นไป มีบัตรประชาชน
  • ไม่เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน)
  • ไม่เป็นผู้ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ
  • ไม่เป็นผู้ใช้สิทธิในโครงการ "คนละครึ่งเฟส 3"
  • ต้องจับจ่ายในร้านค้าที่จดทะเบียน VAT
  • ผู้ที่ได้สิทธิ์เราชนะ/ม.33เรารักกัน สามารถเลือกใช้ยิ่งใช้ยิ่งได้/คนละครึ่งในระยะ 2 ได้

สำหรับร้านค้าที่อยากเข้าร่วมโครงการ จะต้องเป็นร้านอาหาร/เครื่องดื่ม, ร้านค้าสินค้าทั่วไป, การให้บริการที่เป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่จดทะเบียน VAT และต้องลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการที่ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com 

3. สินค้าที่ไม่สามารถใช้สิทธิ "ยิ่งใช้ยิ่งได้" ชื้อได้

นอกจากนี้ ยังมีข้อกำหนดเกี่ยวกับกลุ่มสินค้าที่ไม่อนุญาตให้ซื้อผ่านโครงการ "ยิ่งใช้ยิ่งได้" ได้แก่ ลอตเตอรี, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์, ยาสูบ, น้ำมันและก๊าซสำหรับยานพาหนะ, ค่าบริการนำเที่ยว, ค่าที่พัก/โรงแรม, ค่าตั๋วเครื่องบิน (การใช้จ่ายเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ประชาชนจะได้รับส่วนลดจากโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน/ทัวร์เที่ยวไทย")

4. อยากได้เงินคืนครบ 7,000 บาท ต้องใช้จ่าย 2 ต่อ

สำหรับจำนวนวงเงินที่ผู้มีสิทธิ์ในโครงการ "ยิ่งใช้ยิ่งได้" จะได้รับคืนกลับมานั้น ผู้ใช้สิทธิ์ในโครงการจะเงินคืนในรูปแบบ E-Voucher โดยยอดใช้จ่ายนั้นเมื่อคำนวณเงินคืนออกมาแล้ว ต้องไม่เกิน 5,000 บาทต่อวันต่อคน และสูงสุดไม่เกิน 7,000 บาทต่อคน ตลอดโครงการ

ทั้งนี้ จะคำนวณการจ่ายเงินคืนจากยอดเงินที่ถูกใช้จ่ายออกไป โดยจะให้เงินคืนในอัตรา 10%-15% ของค่าใช้จ่าย หากต้องการได้เงินคืนเต็มจำนวน 7,000 บาท จะต้องมียอดการใช้จ่ายประมาณ 60,000 บาทขึ้นไป โดยการใช้จ่ายสามารถสะสมได้ รัฐให้เงินคืนแบ่งเป็น 2 ต่อ ตามที่โครงการกำหนด

5. ขั้นตอนวิธีใช้สิทธิ์ "ยิ่งใช้ยิ่งได้" เบื้องต้นในหลักการ

อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า โครงการนี้ไม่ใช่การโอนเงินให้เพื่อใช้จ่าย แต่ต้องจับจ่ายซื้อสินค้าก่อนแล้วจะได้เงินคืนทีหลังเป็น E-Voucher เมื่อผู้มีสิทธิ์ซื้อสินค้าแล้ว จากนั้นรัฐจะมีวงเงินสิทธิโอนกลับคืนไปให้ในแอพฯ "เป๋าตัง" จากนั้นก็สามารถใช้ E-Voucher ดังกล่าวจับจ่ายซื้อสินค้าผ่านแอพฯ เป๋าตังได้ ยิ่งมีการจับจ่ายใช้สอย ก็จะยิ่งได้รับเงินคืนมากตามไปด้วย

ทั้งนี้ในอัตรา 10%-15% ของยอดค่าใช้จ่าย และสูงสุดไม่เกิน 7,000 บาท สามารถสะสมเงิน E-Voucher ได้ และกำหนดให้แบ่งจ่ายเงินคืน E-Voucher ออกเป็น 2 ต่อ (เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายหลายๆ ครั้ง) ได้แก่

ต่อที่ 1 : ใช้จ่ายตั้งแต่ 1-40,000 บาทแรก จะได้รับเงินคืนเป็น E-Voucher ในอัตรา 10% ของยอดค่าใช้จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 4,000 บาทต่อคน

ต่อที่ 2 : ใช้จ่ายตั้งแต่ 40,001 - 60,000 บาท จะได้รับเงินคืนเป็น E-Voucher ในอัตรา 15% ของยอดค่าใช้จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อคน

6. ไทม์ไลน์ระยะเวลา "ยิ่งใช้ยิ่งได้" เบื้องต้นในหลักการ

ส่วนไทม์ไลน์ในการใช้สิทธิ์นั้น ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ระบุว่า จะให้ประชาชนใช้จ่ายภายในเดือน กรกฎาคม สิงหาคม กันยายน ต้องจ่ายก่อนแล้วรอรับเงินคืนเป็น E-Voucher ซึ่งจะทยอยโอนเข้าให้ในแอพฯ "เป๋าตัง" ภายในหนึ่งเดือนหลังใช้จ่ายไปครั้งแรก กล่าวคือจะเริ่มให้เงินคืนได้ในเดือนสิงหาคม - ธันวาคม 2564 สามารถสะสมเงินคืนจาก E-Voucher ไปเรื่อยๆ เมื่อเวาเชอร์เข้ามาในแอพฯ เป๋าตังแล้ว ก็นำไปใช้จับจ่ายที่ร้านค้าที่ร่วมโครงการ

  • ระยะเวลาการซื้อสินค้า/รับ E-Voucher (ได้รับหลังซื้อ) ก.ค. - ก.ย. 2564
  • ระยะเวลาการใช้ E-Voucher ส.ค. - ธ.ค. 2564
  • สิ้นสุดโครงการ 31 ธ.ค. 2564

-----------------------------

ที่มา : กระทรวงการคลัง