‘เฟทโก้’ ลุ้นฟันด์โฟลว์ไหลเข้าหุ้นไทย เร่งฉีดวัคซีน-กำไรบจ.หนุน
“เฟทโก้” คาดเดือน มิ.ย.ต่างชาติพลิกกลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทยเป็นเดือนแรกของปีนี้ เหตุรัฐบาลเร่งฉีดวัคซีน สร้างความเชื่อมั่นเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว “เอเซีย พลัส” เชื่อต่างชาติพลิกกลับซื้อ หลังลดน้ำหนักมานาน “กสิกรไทย” คาดทั้งปี 64 ยังเป็นขายสุทธิ
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยว่า กระแสเงินลงทุน (ฟันด์โฟลว์) ของกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศเริ่มทยอยไหลเข้าตลาดหุ้นไทยในช่วงกลางปี 2564 และเป็นไปได้ที่ฟันด์โฟลว์เดือน มิ.ย.จะพลิกกลับมาซื้อสุทธิเป็นเดือนแรกของปีนี้ โดยได้ปัจจัยหนุนในประเทศจากการทยอยฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ซึ่งคาดว่าในเดือน ก.ค.จะเห็นจำนวนผู้ที่ได้รับวัคซีนปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และจะช่วยสร้างความมั่นใจแก่นักลงทุนต่างประเทศเกี่ยวกับแผนการเปิดประเทศในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้
นอกจากนี้การไหลเข้าของฟันด์โฟลว์ยังได้ปัจจัยหนุนจากที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง โดยเป็นผลจากการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโจ ไบเดน รวมถึงเป็นผลจากการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด และการขาดดุลบัญชีทางการคลังของสหรัฐ ส่งผลให้กระแสเงินลงทุนไหลเข้าตลาดหุ้นกลุ่มประเทศเกิดใหม่ (Emerging Markets) และตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชีย
ทั้งนี้ประเมินการไหลเข้าของฟันด์โฟลว์ในครั้งนี้เป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นไทยในระยะกลาง-ยาว เพื่อรับประโยชน์จากการกลับมาเปิดประเทศของไทยและการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ยกเว้นกรณีเลวร้ายที่เกิดการแพร่ระบาดรุนแรงรอบใหม่ หรือการพบเชื้อกลายพันธุ์ ฯลฯ เช่นเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียที่มีเศรษฐกิจอิงกับการท่องเที่ยว ส่งผลให้จากเดิมฟันด์โฟลว์ไหลเข้าไปลงทุนประเทศที่เริ่มฉีดวัคซีนได้เร็วอย่างสหรัฐและยุโรป กลับเข้ามาลงทุนในภูมิภาคจากแผนการฉีดวัคซีนและความคาดหวังการเปิดประเทศ
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2564 คาดว่าจะเป็นทิศทางขาขึ้นต่อเนื่องจากเดือน มิ.ย. แต่คาดว่าการปรับขึ้นของดัชนีจะไม่มากเท่าครึ่งปีแรก เพราะนักลงทุนได้ซื้อหุ้นสะท้อนปัจจัยบวกเรื่องความคาดหวังการเปิดประเทศในช่วงครึ่งปีหลังไปแล้ว โดยคาดว่าเป้าดัชนีปีนี้จะอยู่ที่บริเวณ 1,650 จุด และคาดหวังการฟื้นตัวอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยจากการเปิดประเทศจะช่วยหนุนตลาดหุ้นไทยในปี 2565
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า คาดกระแสเงินลงทุนของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติจะทยอยไหลกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยตั้งแต่เดือน มิ.ย.เป็นต้นไป จากเดิมที่กองทุนต่างประเทศลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยมาเป็นเวลานาน อีกทั้งในประเทศมีปัจจัยหนุนจากผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่มีสัญญาณฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง การกลับมาฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวภายหลังการฉีดวัคซีนโควิด-19 แบบเชิงรุก
นอกจากนี้ คาดว่ามีโอกาสที่ฟันด์โฟลว์เดือน มิ.ย.จะพลิกกลับมาเป็นบวก จากในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา (1-14 มิ.ย.) นักลงทุนต่างชาติมียอดซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยแล้ว 7,122.40 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามจากปริมาณเงินลงทุนในระบบที่อาจปรับตัวลง ภายหลังมีกระแสข่าวธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เตรียมส่งสัญญาณดึงสภาพคล่องออกจากระบบเศรษฐกิจ (QE) ในการประชุมวันที่ 15-16 มิ.ย.นี้
นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า แม้ในช่วงต้นเดือน มิ.ย.ถึง11 มิ.ย. นักลงทุนต่างประเทศจะมียอดซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยประมาณ 7.5 พันล้านบาท แต่อย่างไรก็ดียังไม่เห็นทิศทางการไหลเข้าที่ชัดเจน เพราะฟันด์โฟลว์ในช่วงต้นปีถึงวันที่ 14 มิ.ย. ยังมียอดขายสุทธิอยู่ที่ 6 หมื่นล้านบาท และคาดว่าทั้งปี 2564 ยอดซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติจะยังติดลบ
สำหรับการกลับเข้ามาซื้อในครั้งนี้ มองว่าเป็นไปตามทิศทางต่างประเทศ จากปัจจัยหนุนที่นักลงทุนเริ่มลดความกังวลประเด็นเฟดชะลอการส่งสัญญาณทำ QE Tapering สะท้อนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยิลด์) ที่ชะลอตัวลง รวมถึงราคาหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเศรษฐกิจ (Reopening) ของสหรัฐเริ่มตึงตัว และมีโอกาสปรับขึ้น (อัพไซด์) จำกัด ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติเริ่มย้ายการลงทุนมายังกลุ่มหุ้นเปิดประเทศในฝั่งเอเชีย โดย บล.กสิกรไทย ประเมินแนวต้านตลาดหุ้นไทยที่ 1,650 จุด และคงเป้าดัชนีปี 2564 ที่ 1,680 จุด