สรุป 'ยิ่งใช้ยิ่งได้' กับ 'คนละครึ่งเฟส3' เลือกยังไงให้คุ้ม ?
เปรียบเทียบรายละเอียดโครงการ "ยิ่งใช้ยิ่งได้" กับ "คนละครึ่งเฟส3" เลือกแบบไหนคุ้มกว่า พร้อมวิธีเลือกรับสิทธิโครงการใดโครงการหนึ่งก่อนหมดสิทธิเปลี่ยนโครงการ 28 มิ.ย. นี้
"คนละครึ่งเฟส 3" และ "ยิ่งใช้ยิ่งได้" 2 มาตรการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วง "โควิด-19" ที่กำลังจะเริ่มดำเนินการในช่วงเดือน มิ.ย. นี้ ซึ่งผู้ที่จะใช้สิทธิโครงการเหล่านี้ มีเงื่อนไขสำคัญคือ ทั้ง 2 โครงการไม่สามารถใช้พร้อมกันได้ ประชาชนจะต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น
โดยจะเปิดให้ประชาชนสามารถเลือกมาตรการที่ต้องการได้ภายใน 28 มิ.ย. 64 ผ่านแอพฯ "เป๋าตัง" ซึ่งจะเปลี่ยนมาตรการได้เพียง 1 ครั้งเท่านั้น ไม่สามารถกลับไปใช้มาตรการเดิมที่เปลี่ยนมาแล้วได้อีก
ทว่าคำถามชวนปวดหัวคือ ระหว่าง "คนละครึ่งเฟส3" กับ "ยิ่งใช้ยิ่งได้" ควรเลือกใช้มาตรการไหนถึงจะคุ้มและเหมาะสมกับตัวเองมากกว่ากัน "กรุงเทพธุรกิจออนไลน์" จึงรวบรวมรายละเอียดทั้ง 2 มาตรการ พร้อมจุดเด่นที่ช่วยให้เปรียบเทียบง่ายขึ้น
- "ยิ่งใช้ยิ่งได้" ได้สิทธิประโยชน์อะไรบ้าง ?
ผู้มีสิทธิยิ่งใช้ยิ่งได้ จะต้องชำระเงินผ่าน "G-Wallet" บนแอพฯ "เป๋าตัง" เพื่อซื้อสินค้าและบริการกับผู้ประกอบการร้านค้าที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ซึ่งทางฝั่งผู้ประกอบการร้านค้าเอง ก็จะต้องติดตั้งแอพฯ "ถุงเงิน" เพื่อร่วมโครงการนี้ด้วย
ผู้ที่ต้องการได้ e-Voucher ของโครงการ "ยิ่งใช้ยิ่งได้" เต็มจำนวน 7,000 บาทนั้น จะต้องมีการใช้จ่ายสูงสุดประมาณ 60,000 บาท โดยจะต้องใช้จ่ายเงินซื้อสินค้าและบริการก่อน หลังจากนั้นรัฐจึงจะคืนเงินให้ 10-15% ของค่าใช้จ่ายนั้นๆ โดยจะโอนเงินเข้าให้ใน G-Wallet ของแอพเป๋าตังทุกต้นเดือนถัดไป โดยเงินนี้จะไม่สามารถแลกออกมาเป็นเงินสดได้ แต่สามารถใช้จ่ายผ่านเป๋าตังได้
วันลงทะเบียน : โครงการ "ยิ่งใช้ยิ่งได้" จะเปิดให้ลงทะเบียนวันที่ 21 มิ.ย. 64 เวลา 06.00-22.00 น.
- ใครเหมาะกับ "ยิ่งใช้ยิ่งได้" ?
เงื่อนไขหลักของโครงการ คือ ถ้าเลือกใช้ "ยิ่งใช้ยิ่งได้" ไปแล้ว จะใช้สิทธิ "คนละครึ่งเฟส 3" ซ้ำซ้อนไม่ได้ ทั้งนี้ผู้ที่จะเลือกเข้าโครงการ "ยิ่งใช้ยิ่งได้" จะต้องเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติดังนี้
- มีสัญชาติไทย อายุ 18 ปีขึ้นไป มีบัตรประชาชน
- ไม่เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน)
- ไม่เป็นผู้ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ (ผู้พิการ,ผู้สูงอายุ)
- ไม่เป็นผู้ใช้สิทธิในโครงการ "คนละครึ่งเฟส 3"
- ต้องจับจ่ายในร้านค้าที่จดทะเบียน VAT
- ผู้ที่เคยได้สิทธิเราชนะ/ม.33เรารักกัน สามารถเข้าร่วมโครงการได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- "คนละครึ่งเฟส 3" ได้สิทธิประโยชน์อะไรบ้าง ?
ผู้ที่ได้สิทธิคนละครึ่งเฟส3 จะได้รับเงิน 3,000 บาทต่อคน แบ่งโอนเป็น 2 รอบ รอบละ 1,500 บาท รอบแรกเริ่ม ก.ค.-ก.ย. 64 และรอบที่ 2 ต.ค.-ธ.ค. 64 โดยใช้วงเงินได้ไม่เกิน 150 บาทต่อวัน (รัฐจ่าย 150 ผู้มีสิทธิจ่าย 150)
วันลงทะเบียน : สามารถลงทะเบียนรับเงินเยียวยาได้ในวันที่ 14 มิ.ย. 64 เวลา 06.00 น. - 22.00 น. ผ่าน www.คนละครึ่ง.com
- ใครเหมาะกับ "คนละครึ่งเฟส3"
- ผู้มีบัตรประจำตัวประชาชนและเป็นบุคคลสัญชาติไทย
- อายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน
- ไม่เป็นผู้ได้รับสิทธิโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (ผู้ได้รับสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะไม่สามารถรับสิทธิโครงการคนละครึ่งได้ โดยสามารถตรวจสอบมาตรการสนับสนุนเพิ่มเติมจากภาครัฐฯ ได้ที่ www.cgd.go.t)
- "ยิ่งใช้ยิ่งได้" กับ "คนละครึ่งเฟส3" เลือกยังไงให้คุ้ม ?
ไม่มีมาตรการไหนที่ดีกว่า มีแต่มาตรการที่เหมาะสมกับเรามากกว่า จากการเปรียบเทียบรายละเอียดของโครงการ สรุปได้ดังนี้
- ยิ่งใช้ยิ่งได้
รายละเอียดของโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้จะเน้นให้สิทธิพิเศษสำหรับผู้ที่ใช้จ่ายผ่านผู้ให้บริการที่จดทะเบียน VAT ซึ่งจะเป็นผู้ให้บริการรายใหญ่ และให้แคชแบ็คสำหรับคนที่มีการใช้จ่ายที่สูง ดังนั้นมาตรการนี้จึงเหมาะกับคนที่มีกำลังซื้อสูง เพราะใช้จ่ายทั้งสินค้าและบริการสูงจึงจะได้สิทธิประโยชน์จากมาตรการนี้ ดังนั้น ใครก็ตามที่มีการใช้จ่ายสูงในระดับที่โครงการกำหนดอยู่แล้ว เหมาะกับการเลือกรับสิทธิประโยชน์นี้เพื่อรับ e-Voucher ไปจับจ่ายต่อ
- คนละครึ่งเฟส3
ลักษณะการจ่ายเงินของคนละครึ่งเฟส3 ให้สิทธิใช้จ่ายเงินรวม 3,000 บาท แต่ไม่เกินวันละ 150 บาท คนที่ไม่ได้ใช้จ่ายในสัดส่วนที่สูง ซึ่งจะได้รับวงเงินช่วยลดค่าใช้จ่าย 50% ในทุกๆ วันเพื่อลดภาระค่าครองชีพจึงเหมาะกับมาตรการนี้มากกว่า
สำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนสิทธิที่ได้รับ สามารถทำได้ผ่านแอพฯ "เป๋าตัง" จนถึงวันที่ 28 มิ.ย. 64 โดยสามารถอ่านรายละเอียดได้ที่ >> เลือกรับสิทธิ 'คนละครึ่งเฟส 3' แทน 'ยิ่งใช้ยิ่งได้' ทำอย่างไร ?