'กรมราชทัณฑ์' เผย นักโทษติดเชื้อโควิด-19 เพิ่ม 202 ราย เสียชีวิต 2 ราย
"กระทรวงยุติธรรม" เผย สถานการณ์โควิด-19 "กรมราชทัณฑ์" มีนักโทษติดเชื้อรายใหม่ในวันนี้ 202 ราย เสียชีวิต 2 ราย เน้นย้ำเจ้าหน้าที่ตรวจเชื้อ-ยืนยันผลลบทุกครั้งก่อนเข้าเรือนจำ พร้อมเตรียมแผนเข้มก่อนปล่อยตัวผู้ต้องขัง ไม่ให้นำเชื้อระบาดภายนอก
เมื่อวันที่ 28 ก.ค.64 ศาตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการประชุมติดตามการดำเนินงานตาม 5 แผนงานการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ Covid-19 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ครั้งที่ 48/2564 โดยมีนางสาวณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม หรือ ศบค.ยธ. นายนิยม เติมศรีสุข รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน นายวีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายกฤช กระแสร์ทิพย์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นางสาวศิริประกาย วรปรีชา รองอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน พันตำรวจโท มนตรี บุณยโยธิน รองอธิบดีกรมคุมประพฤติ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) ร่วมกับผู้บัญชาการเรือนจำในจังหวัดที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมและโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์ฯ เผย ภาพรวมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำ/ทัณฑสถาน "กรมราชทัณฑ์" ยังคงไม่พบเรือนจำแพร่ระบาดเพิ่มต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 มีเรือนจำสีขาวที่ไม่พบการระบาดคงที่ 112 แห่ง เรือนจำสีแดงที่แพร่ระบาด 22 แห่ง และสิ้นสุดการระบาดแล้ว 8 แห่งคงเดิม
นายวัลลภ เปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่ในวันนี้ จำนวน 202 ราย (พบในเรือนจำสีแดง 155 ราย และพบในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ 47 ราย) รักษาหายเพิ่ม 464 ราย ซึ่งสูงกว่าผู้ติดเชื้อรายใหม่ รวมหายสะสม 37,647 ราย หรือ 83.2% ของผู้ติดเชื้อสะสม 45,230 ราย เสียชีวิต 2 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 55 ราย คิดเป็นอัตรา 0.1% ทำให้ผู้ต้องขังติดเชื้อที่อยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ลดลงอยู่ที่ 7,102 ราย แบ่งเป็นกลุ่มสีเขียว 81.4% สีเหลือง 18% และสีแดง 0.6%
กรณีการเสียชีวิตของผู้ต้องขังทั้ง 2 ราย เป็นผู้ต้องขังจากเรือนจำจังหวัดสระบุรี และเรือนจำกลางปัตตานี แห่งละ 1 ราย จากข้อมูลพบว่า มีโรคประจำตัวและอาการอื่นร่วม ทำให้อาการป่วยรุนแรงมากกว่าปกติ ซึ่งได้ให้ยาและรักษาอย่างเต็มประสิทธิภาพตามมาตรฐานโดยทีมแพทย์ พร้อมส่งต่อการรักษาที่โรงพยาบาลภายนอก แต่อาการยังคงไม่ดีขึ้น จนกระทั่งเสียชีวิตลงในที่สุด ทั้งนี้ ได้ประสานญาติเพื่อนำร่างผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ตามวิธีการจัดการศพผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นที่เรียบร้อย
นายวัลลภ กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุม ศบค.ยธ. โดยปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานการประชุมวันนี้ ได้เน้นย้ำการปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัดในทุกส่วน โดยเฉพาะการป้องกันเชื้อจากเจ้าหน้าที่ จะต้องตรวจหาเชื้อและยืนยันผลว่าไม่พบเชื้อก่อนเข้าปฏิบัติงานในเรือนจำและทัณฑสถานทุกครั้ง และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันเชื้อด้านอื่นๆ เสมอ และในส่วนของการค้นหา คัดแยกและรักษาผู้ติดเชื้อ ทางกรมราชทัณฑ์ ได้สนับสนุนเครื่องเอกซเรย์ เวชภัณฑ์ ยา และบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อให้การช่วยเหลือในแต่ละพื้นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อให้สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทั้งนี้ สำหรับมาตรการในการปล่อยตัวผู้ต้องขังในสภาวะการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมา ได้ดำเนินการเป็นมาตรฐานภายใต้ความร่วมมือของสำนักงานสาธารณสุขในแต่ละพื้นที่อย่างเคร่งครัด ตั้งแต่กระบวนการตรวจเชื้อ กักตัวก่อนปล่อย และส่งต่อผู้ติดเชื้อ แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการยกระดับการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพและชัดเจนมากยิ่งขึ้น กรมราชทัณฑ์ ได้จัดทำแผนดำเนินการและการอบรมแผนการปล่อยตัวผู้ต้องขัง เพื่อให้มีความชัดเจนและยึดปฏิบัติเป็นแนวทางเดียวกัน ซึ่งคาดว่าจะสามารถจัดทำแผนแล้วเสร็จและดำเนินการอบรมได้ในเร็วๆ นี้
ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ประจำวันพุธที่ 28 กรกฎาคม 2564 ไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม ขณะที่ผู้ติดเชื้อสะสมมีจำนวน 40 ราย เป็นเยาวชน 31 ราย เเละเจ้าหน้าที่ 9 ราย ด้านผลการดำเนินงานสถานพินิจฯ/ศูนย์ฝึกและอบรมฯ สีขาว มีจำนวน 45 แห่ง หรือคิดเป็น 80% จากทั้งหมด 56 แห่ง อีก 11 แห่ง อยู่ระหว่างการรอตรวจและรอผล 6 แห่ง และติดเชื้อ 5 แห่ง ขณะที่สถิติการฉีดวัคซีนของเด็กและเยาวชน คงที่ 121 ราย หรือคิดเป็น 2.83% จากทั้งหมด 4,266 ราย และเจ้าหน้าที่ได้รับการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นอีก 1 ราย รวมเป็น 3,791 ราย หรือคิดเป็น 86% ของเจ้าหน้าที่ทั้งหมด 4,399 ราย