'ภูเก็ต' ยกระดับคัดกรองเข้าพื้นที่ ไม่กระทบ 'ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์'

'ภูเก็ต' ยกระดับคัดกรองเข้าพื้นที่ ไม่กระทบ 'ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์'

ผู้ว่าฯ ภูเก็ต ยืนยันยกระดับคัดกรองคนเข้าพื้นที่ ไม่กระทบ "ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" จำเป็นต้องเพิ่มมาตรการ ด้านตำรวจเผยหลังยกระดับมาตรการคัดกรองเขาเกาะ ตัวเลขผู้เข้ามาลดลงต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 30 ก.ค. 64 ที่ห้องรับรองศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย นายพิเชษฐ์ ปาณะพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายแพทย์กู้ศักดิ์ กู้เกียรติกูล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.อกนิษฐ ด่านพิทักษ์ศาสน์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และจัดหางานจังหวัดภูเก็ต แถลงถึงกรณีที่จังหวัดภูเก็ตได้มีการออกประกาศจังหวัดภูเก็ต เรื่องมาตรการยกระดับมาตรการตรวจคัดกรองการเดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ต มีผลตั้งแต่วันที่ 3-16 ส.ค. 64 ห้ามคนเข้าเกาะภูเก็ตในทุกช่องทางยกเว้น 12 กลุ่ม แต่ต้องทำตามเงื่อนไขที่กำหนด มาตรการควบคุมการเดินทาง และเคลื่อนย้ายแรงงานในเขตพื้นที่จังหวัดภูเก็ต มีผลตั้งแต่วันที่ 30 ก.ค. ถึง 12 ส.ค. 64 และมาตรการแก้ไขเพิ่มเติมการปิดสถานที่หรืองดกิจกรรมที่มีความเสี่ยง มีผลตั้งแต่วันที่ 30 ก.ค. ถึง 16 ส.ค. 64

ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า สืบเนื่องจากจังหวัดภูเก็ตได้ออกคำสั่งเพิ่มเติมซึ่งยกระดับจากที่เคยดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อต้องการเซฟภูเก็ต, เชฟแซนด์บ็อกซ์ และเซฟประเทศไทย จากการขับเคลื่อนโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ และได้มีการดำเนินการมาตรการต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อควบคุมโรคให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ขณะเดียวกันก็สามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ด้วย ทั้งการรักษาโรคและปากท้องของพี่น้องประชาชน ทั้งการทำความสะอาดภายใน สกัดกั้นโรคที่จะเข้ามาจากภายนอก สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และดูแลผู้ยากลำบากหรือกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการสื่อสารทำความเข้าใจกับสังคม ซึ่งประเด็นสุดท้ายยังทำได้ไม่มีดันัก และเมื่อมีการออกคำสั่งไปแล้วยังคงมีคำถามเกิดขึ้นค่อนข้างมาก

จากการเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์มาตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. จนถึงขณะนี้ รวมเวลา 4 สัปดาห์ มีผู้เดินทางจากต่างประเทศเข้ามา 12,559 คน ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 30 คน และจากการประเมินของกรมควบคุมโรคทราบว่า เป็นการติดมาจากภายนอกหรือติดกันเอง โดยไม่มีการแพร่กระจายในพื้นที่ ซึ่งในแต่ละวันจะมีผู้เดินทางเข้ามาเฉลี่ยวันที่ 300-400 คน และมีจำนวนเที่ยวบินเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และมีการจองห้องพักเข้ามาในช่วง 3 เดือน (ก.ค.-ก.ย.) จำนวนกว่า 298,898 รูมไนท์ เฉพาะในเดือนกรกฎาคม มีจำนวน 190,000 ห้อง สิงหาคม 98,000 รูมไนท์ และกันยายน 7,000 กว่ารูมไนท์ ตัวเลขมีเพิ่มต่อเนื่อง และจากการวิเคราะห์ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพบว่า ไปได้ด้วยดี แม้ว่าสถานการณ์ในระดับโลกและประเทศจะมีการแพร่ระบาดอยู่ก็ตาม และเมื่อถึงเดือนตุลาคมซึ่งเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว หากเราสามารถสร้างความเชื่อมั่นได้จะทำให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน

ส่วนสถานการณ์ของจังหวัดภูเก็ต นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การเริ่มต้นของแซนด์บ็อกซ์ ซึ่งก่อนหน้านี้ในเดือนพฤษภาคมภูเก็ตมีตัวเลขผู้ติดเชื้อตัวเดียว แต่ภายหลังเปิดแซนด์บ็อกซ์ก็มีผู้ที่เดินทางเข้ามาเพื่อมาทำงานหรือมาเยี่ยมญาติ จึงทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อของเพิ่มมากขึ้น

โดยสัปดาห์แรก 25 คน สัปดาห์ที่ 2 จำนวน 48 คน สัปดาห์ที่ 3 จำนวน 69 คน และสัปดาห์ที่ 4 จำนวน 148 คน ซึ่งตัวเลขเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เนื่องจากการเข้ามาของสายพันธุ์เดลต้า โดยเรามีเตียงจำนวน 694 เตียง ใช้ไปแล้ว 249 เตียง หรือคิดเป็น 36% ยังคงเหลือ 445 เตียง โดยไม่มีผู้ที่มีอาการหนักหรือใช้เครื่องช่วยหายใจ เนื่องจากเรามีการภูมิคุ้มกันหมู่ ซึ่งมีการฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 70 % ทำให้ไม่มีผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง

อย่างไรก็ตามนายณรงค์ กล่าวในตอนท้าย ว่า ที่ผ่านมาจากการยกระดับมาตรการต่างๆ พบว่า ประชาชนที่เดินทางเข้ามาเริ่มมีความเข้าใจ แม้ว่าจะมีการสอบถามเข้ามาบ้าง และสำหรับการยกระดับมาตรการในครั้งนี้ก็ไม่เกี่ยวกับโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ซึ่งยังมีการดำเนินการตามปกติ

และจะได้มีการชี้แจงทำความเข้าใจ และสื่อสารไปยังชาวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาด้วย โดยผ่านทางสำนักงาน ททท.ในต่างประเทศ รวมถึงการสื่อสารชี้แจงทำความเข้าใจกับคนในประเทศด้วย ทั้งนี้ยืนยันว่า การยกระดับมาตรการต่างๆ เพื่อรักษาภูเก็ต รักษาแซนด์บ็อกซ์ และรักษาประเทศไทย

ทางด้าน พ.ต.อ.อกนิษฐ์ ด่านพิทักษ์ศาสน์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า นับตั้งแต่จังหวัดภูเก็ตมีการออกมาตรการคัดกรองการเข้าภูเก็ต โดยดำเนินการจากเบาไปหาหนัก โดยในส่วนของด่านทางบกจากเดิมที่มีคนเข้าภูเก็ตเฉลี่ยวันละประมาณ 10,000 คน ก่อนวันที่ 15 กรกฎาคม หลังรับทราบว่ามีการเพิ่มมาตรการคัดกรองมีผู้เดินทางเข้ามาวันละประมาณ 6,000-7,000 คน และเมื่อถึงวันที่ 15 กรกฎาคม เหลือ 5,000-6,000 คน ต่อมาในวันที่ 25-29 กรกฎาคมเหลืออยู่ที่ประมาณ 1,500-2,000 คน จากการยกระดับมาตรการในการคัดกรองผู้ที่เดินทางเข้ามา

แสดงให้เห็นว่าประชาชนมีความเข้าใจ และรับทราบข้อมูล จึงทำให้ตัวเลขของผู้เดินทางเข้ามาลดน้อยลงตามลำดับ แต่ตัวเลขที่น่าสนใจ คือ นับตั้งแต่มีมาตรการคัดกรองเข้มครั้งที่ 1-3 มีผู้ที่ไม่สามารถเข้าภูเก็ตได้ประมาณ 2,800 คน เนื่องจากไม่เข้าตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด

ดังนั้นเมื่อประกาศให้รับทราบว่า จะมีการยกระดับความเข้มขึ้นคนส่วนใหญ่ก็เข้าใจ โดยเฉพาะคนภูเก็ตซึ่งสนับสนุนที่จะไม่เดินทางออกไปต่างจังหวัด สำหรับครั้งนี้ซึ่งมีการประกาศให้รับทราบล่วงหน้าก็มั่นใจว่าจะมีความเข้าใจมากขึ้น และเชื่อว่าจากการมาตรดังกล่าวจะทำให้จำนวนผู้ที่เดินทางเข้ามาลดน้อยอย่างต่อเนื่อง และเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้