‘สวนดุสิตโพล’ ชี้ประชาชนประคองตัวเองได้อีกเพียง 3 เดือน

‘สวนดุสิตโพล’ ชี้ประชาชนประคองตัวเองได้อีกเพียง 3 เดือน

ผลสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคยุคโควิด-19 ที่ “สวนดุสิตโพล” จัดทำขึ้นล่าสุดพบว่าประชาชนมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นทำให้ต้องนำเงินออมมาใช้ และมองว่าจะรักษาสภาพคล่องของตัวเองต่อไปได้อีก 3 เดือนเท่านั้น

สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อกรณี ‘การใช้จ่ายของคนไทยในยุคโควิด-19’ โดยมีกลุ่มตัวอย่าง 1,274 คน ระหว่างวันที่ 16-19 สิงหาคม 2564 พบว่า ในช่วงโควิด-19 ประชาชนใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ร้อยละ 40.22 นำเงินจากการทำงานมาใช้ ร้อยละ 83.57 เงินออมที่มีอยู่ใช้ไปบ้างแล้วบางส่วน ร้อยละ 42.63

ส่วนรูปแบบการใช้จ่ายในช่วงโควิด-19 คือ ลดการซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย ร้อยละ 80.44 อยากให้รัฐบาลช่วยเรื่องลดค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเทอร์เน็ต ค่าน้ำมัน ร้อยละ 86.41 และจากสภาพการใช้จ่ายตอนนี้คิดว่าจะประคองตัวเองต่อไปได้อีกประมาณ 3 เดือน ร้อยละ 37.37

นางสาวพรพรรณ บัวทอง นักวิจัย สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เผยว่า ถึงแม้ว่าในช่วงโควิด-19 ประชาชนจะประหยัดและวางแผนการใช้จ่ายอย่างรัดกุม แต่ก็ยังต้องนำเงินออมออกมาใช้ เพราะโควิด-19 ทำให้มีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น อีกทั้งสถานการณ์ว่างงาน ตกงาน และเศรษฐกิจตกต่ำก็ทำให้ประชาชนไม่มีกำลังการบริโภคภายในประเทศมากนัก ทั้งนี้ประชาชนมองว่าจะประคองตัวเองต่อไปได้อีกไม่เกิน 3 เดือนเท่านั้น รัฐบาลจึงต้องเร่งแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจ มีมาตรการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายที่จำเป็นและลดค่าครองชีพเพื่อช่วยเหลือประชาชนโดยเร็ว

162960733251

รองศาสตราจารย์ ดร.พรรณี สวนเพลง อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เผยว่า จากผลการสำรวจการใช้จ่ายของคนไทยในยุคโควิด-19 พบว่ากำลังเข้าสู่ยุคของ “Transformation” เพื่อเข้าสู่ยุค “ความปกติถัดไป (Next Normal)” ซึ่งทำให้ประชาชนมีการ “ปรับตัว ปรับใจ ปรับการใช้ชีวิต” ซึ่งจะต้องอยู่บนพื้นฐานของ “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง”

เริ่มจากการปรับตัวด้วย “ความมีเหตุผล” ในการใช้จ่ายควรจะต้องลด ละ เลิก ซื้อสิ่งที่ไม่จำเป็นในชีวิตลง วางแผนการใช้จ่ายอย่างรัดกุมมากขึ้น เน้นความประหยัดและคุ้มค่า ปรับใจให้มีความ “พอประมาณ” มีความสุขและพอใจกับสิ่งที่มี ให้ความสำคัญกับความสุขใจและสุขภาพที่ดีบนพื้นฐานของการแบ่งปันและเอื้ออาทรซึ่งกัน และกัน

นอกจากนี้ยังต้องมีการปรับการใช้ชีวิตในยุคปกติถัดไป (Next Normal) ด้วยการ “สร้างภูมิคุ้มกัน” โดยมีการวางแผนการออมเงิน ลดการสร้างภาระหนี้สินที่ไม่จำเป็น มีเงินสำรองสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน สร้างรายได้มากกว่าหนึ่งอาชีพ พร้อมกับมีการพัฒนาตนเองเพื่อให้ทันและรองรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในทุกสถานการณ์เพื่อสามารถใช้ชีวิตอย่างมี “ความสุข สงบ เย็น เป็นประโยชน์”