แพทย์เตือน! ไม่ควรใช้ 'ยาฟ้าทะลายโจร' ร่วมกับ 'ยาฟาวิพิราเวียร์'
นักวิจัยเผย ปัญหาแทรกซ้อนจากการติดตามอาการผู้ป่วยจำนวนโควิดจำนวนหนึ่ง ที่ได้รับยาฟ้าทะลายโจรนาโนร่วมกับยาฟาวิพิราเวียร์ พบมีอาการคลื่นไส้อาเจียนรุนแรง และทำให้อาการทางปอดแย่ลง เมื่อหยุดยาฟาวิพิราเวียร์จึงมีอาการดีขึ้น และภาวะปอดอักเสบทุเลาลงใน 5 วัน
อาจารย์ นพ.อนวัช เสริมสวรรค์ รองคณบดี คณะแพทยศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวว่า จากการที่ได้มีการผสานความร่วมมือกับ ดร.เกรียงศักดิ์ ขาวเนียม ผอ.ฝ่ายวิจัยและพัฒนา บจก.สยามไพรพัฒนา ผู้วิจัยและผลิต ฟ้าทะลายโจรขนาดนาโนที่ทำให้สารแอนโดรกราโฟไลด์ (andrographolide) สามารถละลายน้ำได้ 100% และ นิวัฒน์ จุมวงษ์ กรรมการผู้จัดการ บจก.เมดิคอล เทลลิเจ้นซ์ ที่สนับสนุนการขับเคลื่อนโครงการวิจัยทางคลินิกเพื่อนำตำรับยาฟ้าทะลายโจรขนาดนาโน จากพืชฟ้าทะลายโจรชนิดพ่นเข้าปอดรักษาภาวะปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งขณะนี้ได้ทำการวิจัยในผู้ป่วยโควิด-19 ที่ติดบ้านเนื่องจากไม่สามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลได้
ซึ่งพบว่าผู้ป่วยจำนวนกว่า 100 รายที่อยู่ในสถานะเขียว เหลือง มีผลการรักษาดีทุกราย ส่วนผู้ป่วยสีแดงที่มีภาวะปอดอักเสบ ความเข้มข้นของออกซิเจนต่ำกว่าร้อยละ 95 จำนวนกว่า 20 รายก็ได้ผลลัพธ์ที่ดีเช่นกัน ทางคณะผู้วิจัยได้พบปัญหาแทรกซ้อนที่น่าสนใจคือผู้ป่วยจำนวนหนึ่งที่ได้รับยาฟ้าทะลายโจรนาโนร่วมกับยาฟาวิพิราเวียร์ มีอาการคลื่นไส้อาเจียนรุนแรง และกลับทำให้อาการทางปอดแย่ลง เมื่อหยุดยาฟาวิพิราเวียร์จึงมีอาการดีขึ้น และภาวะปอดอักเสบทุเลาลงใน 5 วัน
อาจารย์ นพ.อนวัช กล่าวเสริมว่า การใช้ยาร่วมกันระหว่างฟาวิพิราเวียร์กับฟ้าทะลายโจรเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั่วไปทั้งในโรงพยาบาลสนามและที่บ้าน (home isolation) แต่ผลข้างเคียงอาจจะไม่พบมากนัก ทั้งนี้เนื่องจากการใช้ฟ้าทะลายโจรชนิดกินทั่วไป ไม่ละลายน้ำและดูดซึมน้อยกว่าร้อยละ 5 แตกต่างจากฟ้าทะลายโจรขนาดนาโนซึ่งมีสารแอนโดรกราโฟไลด์ที่ละลายน้ำและดูดซึมได้ดีกว่ามาก
ทำให้มีระดับยาสูงและทำให้ปฏิกริยาต่อกันกับยาฟาวิพิราเวียร์แสดงออกชัดเจน คณะผู้วิจัยจึงได้สืบค้นข้อมูลที่อาจเป็นสาเหตุของภาวะแทรกซ้อนดังกล่าว และพบว่าเอนไซม์ในตับซึ่งมีหน้าที่เปลี่ยนแปลงสารเคมีหลายชนิดเพื่อการทำลายพิษของยาหรือสารเคมีอาจจะถูกยับยั้งโดยสารแอนโดรกราโฟไลด์ที่มีอยู่ในยาฟ้าทะลายโจร
"ส่งผลให้ระดับยาฟาวิพิราเวียร์คั่งค้างสูงผิดปกติจนระดับยาส่วนเกินเพิ่มสูงในกระแสเลือดมากกว่าที่ควรจะเป็น อันเป็นเหตุให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตามกลไกของการทำให้มีปฏิกิริยาต่อกันของยาทั้งคู่เป็นข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น ผู้วิจัยต้องการแจ้งเตือนต่อผู้ป่วยและแพทย์ที่มีการใช้ยาคู่เพื่อความมุ่งหวังผลช่วยเหลือการรักษา อาจเป็นอันตรายต่อผู้ป่วย และไม่แนะนำให้มีการใช้ยาฟ้าทะลายโจรร่วมกับยาฟาวิพิราเวียร์เพื่อการรักษาโควิด"
นอกจากนี้สมุนไพรที่ใช้กันมากในไทยเช่น ขมิ้น (curcumin) หรือพืชตระกูลขิงก็มีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่อาจส่งผลให้ระดับยาฟาราพิราเวียร์สูงกว่าที่ควรที่จะเป็นด้วย ทางคณะผู้วิจัยจึงไม่แนะนำให้ใช้สมุนไพรดังกล่าวร่วมกับยาฟาวิพิราเวียร์ แต่อาจใช้ในภายหลังเพื่อผลการป้องกันการติดเชื้อในอนาคต การใช้ยาลักษณะหลายชนิดหรือ cocktail treatment จึงควรมีการศึกษาปฏิกิริยาต่อกันของยาหรือที่เรียกเป็นทางการว่าอันตรกิริยาระหว่างยาอย่างถี่ถ้วนก่อนจะนำมาให้กับผู้ป่วย