'หมอธีระ' ชี้ ปลดล็อกเร็วไป การระบาดทวีความรุนแรง
"หมอธีระ" เตือน ปลดล็อกเร็วไป "โควิด-19" มีโอกาสทวีความรุนแรง สาหัสยาวนานอีกหลายเดือน จะเห็นแรงกระเพื่อมชัดเจนตั้งแต่ ต.ค. เป็นต้นไป
เมื่อวันที่ 31 ส.ค. 64 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ระบุ สถานการณ์ โควิด19 ทั่วโลก 31 สิงหาคม 2564 สหราชอาณาจักรแซงฝรั่งเศสขึ้นมาเป็นอันดับ 5 ของโลก
เมื่อวานทั่วโลกติดเชื้อ โควิด19 เพิ่ม 496,335 คน รวมแล้วตอนนี้ 217,834,964 คน ตายเพิ่มอีก 7,258 คน ยอดตายรวม 4,522,345 คน 5 อันดับแรกที่มีจำนวนติดเชื้อต่อวันสูงสุดคือ อเมริกา อิหร่าน อินเดีย สหราชอาณาจักร และฟิลิปปินส์
อเมริกา ติดเชื้อเพิ่ม 104,876 คน (รวม 39,913,775 คน) ตายเพิ่ม 534 คน ยอดเสียชีวิตรวม 655,784 คน อัตราตาย 1.7%
แถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นหลักร้อยถึงหลักพัน แถบตะวันออกกลางส่วนใหญ่ยังติดเพิ่มหลักร้อยถึงหลักพัน ยกเว้นอิหร่านติดเพิ่มหลักหมื่นอย่างต่อเนื่อง เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และญี่ปุ่น ติดเพิ่มกันหลักหมื่น
อินเดีย ติดเพิ่ม 30,251 คน (รวม 32,767,820 คน) ตายเพิ่ม 205 คน ยอดเสียชีวิตรวม 438,592 คน อัตราตาย 1.3% บราซิล ติดเพิ่ม 10,466 คน (รวม 20,752,281 คน) ตายเพิ่ม 313 คน ยอดเสียชีวิตรวม 579,643 คน อัตราตาย 2.8%
รัสเซีย ติดเพิ่ม 18,325 คน (รวม 6,901,152 คน) ตายเพิ่ม 792 คน ยอดเสียชีวิตรวม 182,429 คน อัตราตาย 2.6% ฝรั่งเศส ติดเพิ่ม 26,476 คน (ยอดรวม 6,757,650 คน) ตายเพิ่ม 48 คน ยอดเสียชีวิตรวม 132,485 คน อัตราตาย 1.7%
อันดับ 6-10 เป็น ฝรั่งเศส ตุรกี อาร์เจนติน่า อิหร่าน และโคลอมเบีย ติดกันหลักพันถึงหลายหมื่น แถบอเมริกาใต้ ยุโรป แอฟริกา เอเชีย หลายต่อหลายประเทศติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่น
หากรวมทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ พบว่ามีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 91.13 ของจำนวนติดเชื้อใหม่ทั้งหมดต่อวัน
ส่วนเมียนมา อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย และเกาหลีใต้ ติดกันหลักพัน กัมพูชา ลาว และสิงคโปร์ ติดเพิ่มหลักร้อย ส่วนจีน และนิวซีแลนด์ ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่ฮ่องกง และไต้หวัน ติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ
มาดูสถานการณ์ของไทยเรา
จำนวนติดเชื้อใหม่เมื่อวานนี้สูงเป็นอันดับ 10 ของโลก ในขณะที่จำนวนเสียชีวิตเพิ่มนั้นเป็นอันดับ 9 ของโลก
หากติดตามดูข้อมูลจำนวนการตรวจเฉลี่ยย้อนหลัง 7 วันในเว็บไซต์ จะพบว่าลดลงอย่างต่อเนื่อง แสดงถึงจำนวนการตรวจต่อวันที่ลดลง ขอให้ระมัดระวัง เพราะจำนวนการติดเชื้อใหม่ที่รายงานแต่ละวันนั้นน่าจะลดลงจากจำนวนการตรวจที่ทำแต่ละวันลดลงนั่นเอง
สัจธรรม คือ ตรวจมากย่อมมีโอกาสเจอมาก แล้วตรวจน้อยลงจะไม่เจอน้อยลงได้อย่างไร"
ธรรมชาติของผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการประกาศนโยบายหรือมาตรการต่าง ๆ ที่เราเห็นในรอบเกือบ 9 เดือนที่ผ่านมานั้น ผลกระทบจะเกิดขึ้นตามมาให้เห็นโดยมักใช้เวลาราว 4-8 สัปดาห์ เพราะช่วงแรกของการประกาศนั้น กว่าจะมีการปรับพฤติกรรมจนอิ่มตัวมักใช้เวลา
ดังนั้น หลังปลดล็อค 1 กันยายนไปแล้ว คาดว่าจะเห็นแรงกระเพื่อมชัดเจนตั้งแต่ตุลาคมเป็นต้นไป
หากจำกันได้ เคยวิเคราะห์ไปแล้วว่า หากยอดสูงสุดของระลอกสามคือ 13 สิงหาคม ตามธรรมชาติการระบาดของทั่วโลก ถ้าไม่ได้มีนโยบายเพิ่มความเสี่ยงเข้ามาอีก และคงมาตรการกดการระบาดไปเรื่อย ๆ ครึ่งหนึ่งของกลุ่มประเทศเหล่านั้นจะใช้เวลาในการกดการระบาดจนถึงระดับคงที่ประมาณ 69 วัน นั่นคือน่าจะไปถึง 21 ตุลาคม (ราวสัปดาห์ที่ 3 ของตุลาคม) บวกลบราวหนึ่งเดือน
แต่ถ้าไม่ได้ควบคุมโรคในประเทศอย่างดีพอ ปลดล็อกเร็วไป หรือเพิ่มความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อติดเชื้อเข้ามาในประเทศ ก็จะมีโอกาสทวีความรุนแรงมากขึ้น และสาหัสต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ ยาวนานอีกหลายเดือน
ก็คงรอดูกันว่าสถานการณ์ของไทยเราจะเป็นเช่นไร ขอให้ประชาชนอย่างพวกเราทุกคนป้องกันตัวให้ดี อย่าประมาท ใส่หน้ากากนะครับ สองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า สำคัญมาก เลี่ยงการกินดื่มในร้านอาหาร ศูนย์อาหาร โรงอาหาร ซื้อกลับจะปลอดภัยที่สุด