พิษ "น้ำท่วม" พืชผักสวนครัว-ปลาราคาพุ่งสองเท่าตัว
ผลกระทบจาก "น้ำท่วม" หนัก ส่งผลให้พืชผักสวนครัวตายจำนวนมาก ขาดแคลน จึงมีราคาพุ่งสูงกว่าช่วงปกติ 2-3 เท่าตัว
เมื่อวันที่ 9 ต.ค. 65 ที่ตลาดสดเทศบาลเมืองเลย ถนนเจริญรัฐ ต.กุดป่อง อ.เมืองเลย จ.เลย ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของจังหวัดเลย ได้รับผลกระทบจากการเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ระหว่างวันที่ 2-6 ต.ค. 65 โดยเฉพาะเขตเทศบาลเมืองเลย และตลาดทั้งสองแห่งทั้งตลาดเช้าแห่งนี้ และตลาดเย็น ถนนเจริญรัฐ ชุมชนบ้านติ้ว ต่างถูกน้ำท่วมด้วยกันต้องปิดบริการจากภัยธรรมชาติทำให้พื้นที่ อ.เมืองเลย อันเป็นพื้นที่ปลูกพืชผักสวนครัวจำนวนมากที่สุดของจังหวัดเลยถูกน้ำท่วมขังหลายวัน ผักชนิดต่างๆ ตายจำนวนมากหลายแห่ง ไม่มีเกษตรกรนำผักมาส่งที่ตลาดสด ตลอดจนปลาดุก ปลานิล ปลาไน ปลาตะเพียน ก็ขาดตลาดเนื่องจากภัยดังกล่าว พ่อค้าแม่ขายในตลาดต้องขอรับซื้อผักรับซื้อปลามาจากต่างจังหวัดแทนที่จำต้องจ่ายเงินในราคาแพง และหลายจังหวัดใกล้เคียงก็ถูกกับภาวะน้ำท่วมเช่นกัน
นางบุญปัน คำสุข แม่ค้าขายผักที่ตลาดแลง (บ้านติ้ว) เทศบาลเมืองเลย กล่าวว่า ปกติแม่ค้าจังหวัดเลยจะรับผักมาจาก อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เพราะมีชาวม้งปลูกกันจำนวนมาก ส่วนที่จังหวัดเลยก็ปลุกกันส่วนใหญ่คือหน้าหนาว เกี่ยวกับผลกระทบน้ำท่วมหนักและช่วงน้ำลดลง นั้น ราคาผักสูงขึ้นจากเข่งละ 13 บาท ขึ้นเป็น 200 บาท/เข่ง ส่วนผักที่รับซื้อเป็นกิดลกรัม จากเคยราคา 40 บาทต่อกิโลกรัม ก็ขึ้นเป็น 70 บาทต่อกิโลกรัม ยอดขายตกฮวบ เพราะคนไม่ออกจากบ้านน้ำท่วม หลังน้ำท่วมก็ต้องล้างทำความสะอาดบ้านเรือน เก็บสิ่งของ ส่วนหน้าหนาวจะมาถึงราคาน่าจะลดลง เนื่องจากเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดเลยจะปลูกกันหลายพื้นที่เพื่อขายส่งตลาด และเพื่อบริโภคเอแงในครอบครัว จะลดราคาลง แต่จะขายผักยากขึ้นเนื่องจากปริมาณมาก เป็นกลไกทางการตลาด ช่วงนี้สูงขึ้นเฉลี่ยแล้ว 50% จากช่วงปกติซึ่งได้มีราคาสูงมาตั้งแต่ช่วงเทศกาลกินเจมาถึงขณะนี้ที่น้ำท่วมหนักพึ่งจะเริ่มแห้งลง
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ปลาชนิดต่าง เดิมเฉลี่ย 50-55 บาท มาช่วงหลังน้ำท่วมเฉลี่ย 60-70 บาท จำเป็นต้องรับซื้อเพราะค้าขายมานานไม่มีอาชีพอื่นทำ ประชาชน-ลูกค้าก็เข้าใจปัญหานี้ แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่บ่นอันเป็นเรื่องธรรมดา ตามภาวะตลาดตามปริมาณจำนวนพืชผักและปลาที่เข้าตลาด คิดว่าคงใช้เวลาหลายเดือนก่อนที่จะเข้าสู่ภาวะปกติ