ยึดทรัพย์ 300 ล้าน เครือข่าย "ผับลับจีน" จับ 15 คน โยงปมคิงส์โรมัน
อัปเดต ขบวนการค้ายา-บ่อน ตำรวจยึดทรัพย์ 300 ล้าน เครือข่าย "ผับลับจีน" จับ 15 คน โยงปมคิงส์โรมัน
เปิดแถลงขยายผล คดีธุรกิจสีเทา "ผับลับจีน" ของนายทุนจีน ในพัทยา และย่านยานนาวา เจอการทุจริต จนท.รัฐ สวมบัตร ปชช. พบพาสปอร์ต 2 สัญชาติ ชี้เข้าออก กัมพูชา - มาเลเซีย มากกว่า 30 ครั้ง โยงใยธุรกิจ คิงส์โรมัน ใน สปป.ลาว
วันนี้ 3 พฤศจิกายน 2565 พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ( รอง ผบ.ตร.) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(ผบช.สอท.) พร้อม เจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) และในสังกัด
แถลงจับผู้ต้องหา 15 ราย เป็นคนไทย 5 ราย คนจีน 10 ราย พร้อมของกลางมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท จากปฏิบัติการ “ล้มไม้ค้ำ ลิดกิ่งก้าน” โดยการปิดล้อม ตรวจค้น 3 จุด เครือข่ายนายทุนจีน สีเทา ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
จุดแรก : เป็นบ้านพักในเขตประเวศ พบชาวจีน 5 คน และคนไทย 3 คน พร้อมทรัพย์สินหลายรายการ เช่น รถยนต์ 3 คัน รถจักรยานยนต์ ดูคาติ สีแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน สุราต่างประเทศกว่า 50 ขวด โทรศัพท์มือถือ 13 เครื่อง คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค 3 เครื่อง และ เงินสด 7 ล้านบาท
จุดที่ 2 : เป็นบ้านพักในหมู่บ้านหรู เขตประเวศ พบชายชาวจีน 1 คน และคนไทย 2 คน พร้อมตรวจยึดทรัพย์สินอีกหลายรายการ
จุดที่ 3 : เป็นคอนโดฯ บริเวณซอยสุขุมวิท 39 พบชาวจีน 4 คน พร้อมยึดทรัพย์สิน เช่น เงินสด 28 ล้านบาท / กระเป๋าแบรนเนมหรู 8 ใบ
ทั้งนี้ หลังการจับกุม เจ้าหน้าที่ตรวจพบบัตรประชาชนของผู้ต้องหา มีเลขประจำตัวที่นายทะเบียนออกให้กับบุคคลอื่น (ใบหน้าไม่ตรงกัน) จึงเชื่อว่า เป็นการปลอมบัตรประจำตัวประชาชน ซึ่งข้อมูลสารระบบ ทะเบียนราษฎร์ กรมการปกครอง ชี้ชัด บุคคลตามบัตรประชาชนยังมีชีวิตอยู่และประกอบอาชีพหักข้าวโพดอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด โดยประเด็นนี้อยู่ระหว่างการขยายผลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ส่วนทรัพย์สินต่าง ๆ ที่ตรวจยึดได้ จะมีการตรวจสอบความถูกต้อง และความเชื่อมโยงกับ คดีอาชญากรรมออนไลน์ ที่ได้มีการแจ้งความไว้ต่อไป
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ระบุ ว่า ผลการปฏิบัติงานในครั้งนี้ เป็นการขยายผลจาก การจับกุมเครือข่ายธุรกิจ สีเทาของนักลงทุน ชาวจีนในพัทยา และต่อเนื่อง การตรวจค้นจับกุมนักเที่ยวในสถานบันเทิง “จินหลิง” ย่านยานนาวา
โดยการตรวจค้นทั้ง 3 จุดในครั้งนี้มีความเชื่อมโยงกันกับกลุ่มทุนจีนในพัทยา - ยานนาวา และยังพบพาสปอร์ต 2 สัญชาติ คือ ไทยและ กัมพูชา ซึ่งเผยข้อมูลการเดินทางเข้าออก กัมพูชา 25 ครั้ง และกัวลาลัมเปอร์ มาเลเชีย 12 ครั้ง นอกจากนี้ ผลการสอบสวนเบื้องต้น พบการทำธุรกิจ ร้านสุกกี้ในคิงส์โรมัน สปป.ลาว และพื้นที่ 3 เหลี่ยมทองคำ ด้วย
ส่วนข้อมูลที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ให้กับตำรวจเกี่ยวกับ 5 กลุ่มทุนเครือข่ายชาวจีน ขณะนี้อยู่ระหว่างขยายผล เช่นเดียวกับประเด็นที่มีการพาดพิงว่า ผู้ต้องหาชาวจีนบางคน มีความสนิทกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่
รวมทั้งสนิทสนมกับอดีตรัฐมนตรีคนหนึ่ง ซึ่งทางตำรวจเข้าตรวจสอบ และตรวจค้นที่พักของอดีตรัฐมนตรีไปแล้ว แต่ยังไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย หรือมีหลักฐานเชื่อมโยงว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายชาวจีน