ท่าขี้เหล็กสั่งปิดแล้ว โรงงานต้นตอกลิ่นโชยทั่วชายแดน กระทบ 10 หมู่บ้าน อ.แม่สาย

ท่าขี้เหล็กสั่งปิดแล้ว โรงงานต้นตอกลิ่นโชยทั่วชายแดน กระทบ 10 หมู่บ้าน อ.แม่สาย

ท่าขี้เหล็กสั่งปิดแล้ว "โรงงานปูนขาว" ส่งกลิ่นโชยไปทั่วชายแดนไทย-เมียนมา กระทบ 10 หมู่บ้านฝั่งไทยเขต ต.แม่สาย ต.เกาะช้าง อ.แม่สาย จ.เชียงราย

วันที่ 16 พฤศจิกายน 2565 จากกรณีเกิดกลิ่นเหม็นโชยมาจาก จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ข้ามลำน้ำสายที่เป็นเขตแดนเข้ามา ส่งผลกระทบต่อชาวบ้านในฝั่งไทยเขต ต.แม่สาย และ ต.เกาะช้าง อ.แม่สาย จ.เชียงราย ประมาณ 10 หมู่บ้าน นั้น

 

ล่าสุดทางการ จ.ท่าขี้เหล็ก ได้มีคำสั่งให้ปิดโรงงานทำปูนขาวที่ชาวเมียนมาใช้กินกับหมากพลู และใช้เชื้อเพลิงจากถ่านหินลิกไนต์ โดยตั้งอยู่บ้านสะโถ่งบน-ลาง จ.ท่าขี้เหล็ก ห่างจากชายแดน 6-8 กิโลเมตร

 

 

โดยคำสั่งปิดโรงงานทำปูนขาวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเกิดกลิ่นเหม็นมานานหลายเดือน ขณะที่โรงงานเปิดมาได้ประมาณ 6 เดือน และเมื่อเกิดปัญหากลิ่นเหม็นมายังฝั่งไทย ทางคณะกรรมการชายแดนไทย-เมียนมา ระดับท้องถิ่น หรือ ทีบีซีฝ่ายไทย ได้แจ้งให้ทางทีบีซีฝ่ายเมียนมาได้รับทราบดังกล่าว

 

ทั้งนี้กลิ่นจากโรงงานยังส่งผลกระทบต่อชาวบ้านในบ้านสะโถ่งบน บ้านสะโถ่งล่าง บ้านเป็งว่า บ้านผะตินบากง ฯลฯ ใน จ.ท่าขี้เหล็ก เช่นกัน และคาดว่าอาจเป็นสาเหตุเดียวกับที่ชาวบ้านฝั่งไทยได้รับผลกระทบ จนทำให้สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) กรมอนามัย เข้าตรวจหาสาเหตุของกลิ่น

 

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดนายณรงค์พล คิดอ่าน นายอำเภอแม่สาย ได้เรียกประชุมด่วนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ การป้องกันและแก้ไขปัญหากลิ่นจากสารเคมีในพื้นที่ อ.แม่สาย โดยจัดประชุมที่เทศบาล ต.แม่สายมิตรภาพ อ.แม่สาย ซึ่งเป็นท้องที่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด จำนวน 4 หมู่บ้าน คือ หมู่บ้านเหมืองแดงใต้ หมู่บ้านเวียงหอม หมู่บ้านสันทราย และหมู่บ้านสันทรายใหม่ เนื่องจากทางสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) แจ้งผลการตรวจกลิ่นพบว่าเกิดจากสารไฮโดรเจนไซยาไนด์ (HCN) และเมื่อวัดค่าจากเครื่องตรวจ Multi RAE ได้ค่า 0.5 จากค่าปกติ 0.0 ppm จึงถือว่ามีผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจในพื้นที่ 4 หมู่บ้านดังกล่าว

 

 

นอกจากนี้ ทางกรมอนามัยจะได้นำเครื่องตรวจวัดขนาดใหญ่ไปตรวจวัดกลิ่นอีกครั้งในวันที่ 17-18 พฤศจิกายน 2565 นี้อีกครั้ง ขณะที่มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา และให้งดเปิดหน้าต่างในช่วงเวลากลางคืน

 

รายงานข่าวจาก จ.ท่าขี้เหล็ก ระบุว่า โรงงานปูนขาวดังกล่าวเป็นของเอกชนชื่อ บ้านลมอิฐ 999 ซึ่งล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านสิ่งแวดล้อมใน จ.ท่าขี้เหล็ก ได้เรียกสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องกับโรงงานแล้ว ได้มีการตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น ใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน สถานะการเป็นเจ้าของที่ดิน ใบอนุญาตอุตสาหกรรมขนาดเล็กที่เกี่ยวข้อง การอนุมัติจากเขตการปกครองและเขตการปกครองที่โรงงานดำเนินการ และการตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ฯลฯ โดยระหว่างการตรวจสอบก็ให้ปิดโรงงานจนกว่าจะมีคำสั่งใหม่อีกครั้ง เบื้องต้นผลการตรวจทราบว่าโรงงานมีการใช้หินปูนเพื่อผลิตปูนขาวครั้งละ 1,000 กิโลกรัม หรือ 1 ตัน และแต่ละครั้งต้องใช้ถ่านหินในการเผาไหม้ปริมาณ 200 กิโลกรัม

 

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า นอกจากโรงงานปูนขาวดังกล่าวใน จ.ท่าขี้เหล็ก ยังมีบ่อฝังกลบห่างจากพรมแดนไทยประมาณ 8 กิโลเมตร และเคยเกิดภาวะเต็มจนมีคนแอบไปเผาจนเกิดควันคละคลุ้ง ส่วนการใช้สารไฮโดรเจนไซยาไนด์ (HCN) ในปริมาณมากอยู่ในเขตดอยคำ พื้นที่หมู่บ้านนาไฮหลง เมืองเลน ห่างจากตัวเมือง จ.ท่าขี้เหล็ก ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 40 กิโลเมตร ทำให้หลายฝ่ายเฝ้าติดตามสถานการณ์ว่า หลังจาก จ.ท่าขี้เหล็ก ได้สั่งปิดโรงงานปูนขาวดังกล่าวแล้วจะยังมีกลิ่นเหม็นอีกหรือไม่

 

ภาพ/ข่าวโดย สมบัติ คำลือ จ.เชียงราย