มูลนิธิศัลย์ฯสร้างข้อต่อชีวิต มอบความสุขให้ผู้ป่วยเดินได้อีกครั้งที่กุมภวาปี
ศ.นพ.กีรติเจริญชลวานิช ประธานมูลนิธิศัลย์ฯ สร้างข้อต่อชีวิต มอบความสุขให้ผู้ป่วยเดินได้อีกครั้ง ที่กุมภวาปี
ที่โรงพยาบาลกุมภวาปี อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี แพทย์หญิงชูหงส์ มหรรทัศนพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกุมภวาปี ดร.นพ.ปรเมษฐ์ กิ่งโก้ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี พร้อมด้วย ศ.นพ.กีรติ เจริญชลวานิช แพทย์ออร์โธปิดิกส์ ประจำคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ประธานมูลนิธิฯ และคณะมูลนิธิศัลย์ฯ สร้างข้อต่อชีวิต ได้ร่วมจัดโครงการ HAPPY WALK 0PEATION ครั้งที่ 17 โครงการผ่าตัดข้อเข่า-ข้อสะโพกเทียม เพื่อผู้ป่วยด้อยโอกาส อ.กุมภวาปี จ.อุดร ระหว่างวันที่ 16-18 พฤศจิกายน 2565
ศ.นพ.กีรติ กล่าวว่า มูลนิธิฯ ต้องการช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แม้จะอยู่พื้นที่ห่างไกลก็ไม่ต้องเสียโอกาส ได้รับการผ่าตัดรักษาที่มีศักยภาพไม่แตกต่างจากโรงเรียนแพทย์ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สำหรับการผ่าตัดข้อที่ รพ.กุมภวาปี ในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 17 มีผู้ป่วยเข้ารับการผ่าตัด 22 ราย รวม 32 ข้อ ซึ่งข้อบ่งชี้ของผู้ป่วยที่ควรผ่าตัด คือ ข้อเข่าเสื่อมหรือข้อสะโพกเสื่อมระยะสุดท้าย ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต ช่วยเหลือตัวเองได้ยาก โดยแพทย์ของรพ.กุมภาวปี จะคัดกรองเบื้องต้น จากนั้นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของมูลนิธิฯ จะประเมินเรื่องความเสี่ยงต่ออันตราย เพื่อจัดการดูแลรักษาให้มีประสิทธิภาพและปลอดภัยต่อผู้ป่วยสูงสุด เนื่องจากผู้ป่วยสูงอายุมักมีโรคประจำตัว หากไม่สามารถควบคุมโรคได้ดีพอก็จะไม่สามารถผ่าตัดได้ รวมถึงยังต้องตรวจระบบไต ระบบไหลเวียนเลือด และระบบการหายใจด้วย
“ 8 ปี 17 ครั้ง กับการเดินทางของมูลนิธิศัลย์ฯ สร้างข้อต่อชีวิต เริ่มขึ้นเมื่อปี 2557 ผ่าตัดให้คนไข้ยากจน 10 คน ที่แม่สอด จ.ตาก ภายใต้ชื่อ HAPPY WALK 0PEATION มีผู้ป่วยผ่าตัดข้อ 2 ข้าง 4 รายผ่าตัดข้างเดียว 6 ราย จากคนไข้เดินแทบไม่ได้ พอเปลี่ยนข้อเข่าเทียมไปแล้วสามารถลุกเดินได้ในวันแรก ด้วยเทคนิคใหม่ล่าสุดคือ ฉีดยารอบเส้นประสาท ควบคุมความเจ็บปวดที่หน้าหัวเข่าและฉีดยาภายในหัวเข่ากับแผลผ่าตัดเล็กมาก คนไข้แทบไม่มีการอักเสบและเจ็บปวดเลย
“ไม่น่าเชื่อว่าพวกเราทำมา 17 ครั้ง ผมมีความสุข เพราะแต่ละครั้งจะเห็นผลสําเร็จ คือ ผู้ที่ด้อยโอกาส ผู้ที่เข้ารับการรักษาผ่าตัดได้รับการผ่าตัดในระดับมาตรฐานของโลก ทั้งบุคลากรความเชี่ยวชาญของแพทย์วิสัญญี แพทย์ผู้ผ่าตัด นักกายภาพบำบัด อุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือในการใช้งาน โลกนี้มีอะไรเรามามอบให้โดยที่เขาไม่ต้องพูด คือ ผู้ป่วยเหล่านี้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย” ศ.นพ.กีรติ กล่าวและย้ำว่า
“เงินเพียงหนึ่งพัน สองพันบาท คุณยอมทุกข์ทรมานอยู่บ้าน เพราะไม่สามารถจะเข้าถึงได้ นี่เป็นสิ่งที่เราเห็นว่าเราควรจะทําหน้าที่ให้เท่าที่เราทําได้ เพราะเมื่อเรามอบให้แล้ว เราจะเกิดปิติในหัวใจอย่างน้อยได้เห็นผลสัมฤทธิ์สองสิ่ง คือ 1.ผู้ป่วย 2.บุคลากรทางการแพทย์ได้มีการแลกเปลี่ยนในทุกระดับมิติของศัลยแพทย์ แลกเปลี่ยนกันให้ความรู้กัน มิติของวิสัญญีแพทย์ กายภาพบําบัด หลายๆ ที่ก็พัฒนาเติบโตจนแข็งแรงดูแลผู้ป่วยได้มาตรฐานที่เราส่งมอบให้ นี่คือ ความชื่นใจ เราได้เห็นว่าสังคมต้องเติบโต แต่ละที่ต้องแข็งแกร่ง ไม่ใช่เฉพาะในส่วนกลางกรุงเทพ”
ศ.นพ.กีรติ กล่าวว่าเป็นความร่วมมือ ร่วมใจกันจริงๆ เพราะพลังของแต่ละคนไม่มีขีดจํากัดแล้วเอาพลังของแต่ละคนเข้ามาผนึกกันมากๆ มันไม่ใช่แค่สองเท่า สามเท่า แต่เป็นร้อยเท่าพันทวี นี่คือ ความสําเร็จที่เกิดขึ้นมาจากทุกๆ คนตั้งใจ แล้วนำพาสิ่งที่ตัวเองมีอยากจะส่งต่อจริงๆ ก็เกิดในมิติที่ไม่เคยมีมาก่อนในประเทศ ผ่าวันเดียว 10 คน 50 คน 60 ข้อก็มีเพราะเรามีหลายทีมที่เชี่ยวชาญดูแลความปลอดภัย มาตรฐานการผ่าตัดและการฟื้นฟู
จากความสำเร็จดังกล่าว ก่อให้เกิดแนวคิดที่จะขยายโอกาสให้กับกลุ่มผู้ขาดแคลนในทุกเชื้อชาติ ทุกประเทศ เพราะอาจารย์ มองว่าหากการที่เราได้ช่วยคนที่ขาดไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหน เชื้อชาติใด เพราะเราก็ช่วยคนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนอยู่แล้ว ไม่ได้มีขีดจํากัดว่าจะต้องเป็นคนในกรุงเทพ ในสังคมไทยเท่านั้น ดังนั้น อาจารย์ จึงมีแนวคิดที่อยากจะไปร่วมมือกับกระทรวงต่างประเทศ กระทรวงของ WHO , สหประชาชาติ (United Nations : UN) ในการที่จะไปให้ความร่วมมือไปสร้างให้กับประเทศที่ด้อยโอกาส
“คาดว่าปีหน้าน่าจะได้สักที่หนึ่งที่ขาดแคลนอาจจะในเนปาล หรือลาว หรือภูฏาน เป็นสิ่งที่กําลังศึกษาอยู่ สําคัญที่สุดคือ เมื่อไปแล้วต้องมีประสิทธิภาพการดูแลรักษาพยาบาลที่สูงสุด ความปลอดภัยต้องมีสูงสุด เพราะแต่ละพื้นที่มีความพร้อมไม่เหมือนกัน แต่ก็เป็นการขยายขอบเขตที่เราคิดว่าการให้ทำให้เกิดความสุข ไม่ว่าผู้ที่รับจะเป็นใครก็ตาม คือ ความสุขเกิดจากความสําเร็จแต่ละครั้งก็มีคุณค่าในตัวอยู่แล้ว ไม่ว่าจะขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ก็เกิดคุณค่าในสังคม เรามีพลัง มีทีมที่ขยายวงมากขึ้นก็เลยน้อมนําสิ่งเหล่านี้ไปมอบให้กับสังคมที่ขาดแคลน ขาดโอกาสมากกว่า” ศ.นพ.กีรติ กล่าวและย้ำว่า
ปัจจุบันปัญหาของสังคมไทยผู้สูงอายุมากขึ้น ปัญหาข้อเข่าข้อเสื่อมก็จะตามมา คือ ประชาชน 5 คน 1 ใน 5 คนนั้นเป็นผู้สูงอายุ 4 คนที่เหลืออยู่จะต้องส่งพลังในการดูแลอีก 1 ชีวิต เราก็อยากให้ 1 คนดูแลตัวเองได้ ปัญหาข้อเข่า ข้อสะโพกเสื่อมเป็นธรรมดาเพราะว่ามันอยู่ในวัฏฏะ เกิดแก่เสื่อมแล้วก็จากไป ความเสื่อมมีอยู่แล้ว แต่ถ้าจะเสื่อมอย่างมีความสุขได้ เมื่อมาถึงจุดที่ไม่ต้องผ่าตัด เราก็ป้องกันจุดที่ต้องผ่าตัด เพื่อให้ดูแลชีวิตตัวเองได้โดยทําการฟื้นฟู สร้างคุณค่าในตัวเอง
ซึ่งงานตรงนี้อาจารย์คิดว่ามีมากขึ้นเรื่อยๆ ในสังคมเราเพราะมีอายุมากขึ้น แต่รายได้ของกระเป๋าประชากรไทยกลับไม่สูงเหมือนกับชาวยุโรป หรือชาวญี่ปุ่น ตรงนี้ก็คือ ความท้าทายของสังคมที่เราจะดูแลคนสูงอายุเหล่านี้อย่างไรให้แข็งแรง ดูแลตัวเองได้เป็นประโยชน์ มีคุณค่าทั้งต่อตนเองและครอบครัวให้มากที่สุด นี่ก็เป็นหน้าที่ของเราในการที่จะซ่อมสุขภาพให้กับสังคม เป็นจุดที่เราภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่ง ที่จะไปเติมช่องว่างนี้ให้ลดลงไปบ้าง หรือเติมเต็มไปบ้าง
นั่นก็คือ หน้าที่ของ “มูลนิธิศัลย์ฯ สร้างข้อต่อชีวิต” ชีวิตที่จะเดินต่อไป เราก้าวเดินต่อไป เพราะว่าการก้าวเดินของแต่ละชีวิตมีคุณค่าผู้สูงอายุหากไม่ได้ก้าว ไม่ได้ move ไม่ได้เดินสุขภาพก็จะเสื่อมลง สุขภาพจิตก็จะลดลง คนเราไม่มีคุณค่าในตัว ก็จะไม่อยากอยู่ในโลกนี้ เราต้องเอาคุณค่าเขาที่เสื่อมลดลง กลับเข้ามาให้ได้ หากเขาช่วยตัวเองได้ มีประโยชน์ในการดูแลตัวเอง ก็จะไม่เป็นภาระลูกหลาน
นี่คือ สิ่งที่พวกเราอยากให้เกิดและกระจายให้มากที่สุด คือ เป็นโมเดลหนึ่ง เป็นจุดของกลุ่มหนึ่ง สังคมไทยมีคนไทยมีกลุ่มแต่ละกลุ่มลักษณะแบบนี้มากๆ ช่องว่างก็จะลดลง อาทิ ทางตา ทางความพิการบกพร่องอะไรอื่นๆ ก็จะช่วยกันต่อสู้
“เราสามารถแบ่งปันสิ่งที่เรามีอยู่ในวันนี้ ให้กับคนที่ขาดแคลนได้ก็จะทําให้พวกเราไปด้วยกันได้อย่างภาคภูมิที่ได้เกิดในครั้งหนึ่งแล้ว เราแบ่งปัน เรามอบให้ทั้งๆ ที่เราก็ไม่ได้มีล้นเกิน เราไม่จําเป็นต้องรอถึงวันนั้น”ศ.นพ.กีรติ กล่าว
ร่วมส่งกำลังใจและร่วมบริจาคที่
ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาศิริราช ชื่อบัญชี มูลนิธิศัลย์ฯสร้างข้อต่อชีวิต บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 0 1 6 - 4 4 4 4 3 3 - 2 ใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีแจ้งความประสงค์ใน Application ข้อมูลการบริจาคจะถูกบันทึกในระบบ e-Donation ภายใน 2 วันทำการถัดไป หรือ ส่งหลักฐานการโอนเงินพร้อมชื่อ-นามสกุล-ที่อยู่ พร้อมเลขบัตรประชาชน 13 หลัก มาที่
Line ID: @njffoundation หรือ E-mail: [email protected]
สามารถตรวจสอบข้อมูลการบริจาคได้ตลอด 24 ชั่วโมง ที่ https://www.rd.go.th/28015.html
.มูลนิธิศัลย์ฯสร้างข้อต่อชีวิต
02- 066 - 2771 , 098 - 880 - 9656