เผาแล้ว "ไฮโซสาวลาว" ถูกฆ่ายัดกระเป๋าทิ้งน้ำโขง - ยังไม่เจอตัวลูกสาว 4 ขวบ

เผาแล้ว "ไฮโซสาวลาว" ถูกฆ่ายัดกระเป๋าทิ้งน้ำโขง - ยังไม่เจอตัวลูกสาว 4 ขวบ

เผาแล้ว ร่าง "ไฮโซสาวลาว" ถูกฆ่ายัดกระเป๋าเดินทางทิ้งน้ำโขงลอยมาติดฝั่งไทย ส่วนลูกสาววัย 4 ขวบ ยังหายตัวปริศนา

ญาติเศรษฐีนี "ไฮโซสาวลาว" ร่วมพิธีฌาปนกิจตามความเชื่อลาวเชื้อสายจีน โดยงานจัดพิธีใหญ่ตกแต่งสถานที่สวยงามสมฐานะ หลังพบศพถูกฆ่ายัดกระเป๋าเดินทางทิ้งน้ำโขงลอยมาติดฝั่งไทย ตำรวจไทยยืนยันผลชันสูตรหลักฐานเสื้อผ้า ดีเอ็นเอตรงกับบุตรผู้ตาย โดยมุ่งปมขัดแย้งธุรกิจ ส่วนลูกสาววัย 4 ขวบ ยังหายตัวปริศนา

 

 

เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้(19 พฤศจิกายน 2565) ที่ศาลาพระธรรมราชานุวัตร วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม จ.นครพนม พระมหาเสรี พุฒิวังโส ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ถวิล คำเกษ ผกก.สภ.ธาตุพนม เป็นประธานฝ่ายฆราวาส นำญาติของ "ไฮโซสาวลาว" หรือ นางวิพาพอน อายุ 36 ปี ประธานบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่ของ สปป.ลาว ประกอบพิธีฌาปนกิจศพตามความเชื่อของชาวลาวเชื้อสายจีน

 

โดยมีการพบศพ "ไฮโซสาวลาว" ถูกฆาตกรรมโหดยัดกระเป๋าเดินทางโยนถ่วงน้ำโขงลอยมาติดฝั่งไทย เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงเขตเทศบาลตำบลธาตุพนม หลังจากทางญาติมีการยืนยันการหายตัวไปเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2565 จากนครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ส่วนลูกสาวอายุ 4 ขวบ ยังหายตัวปริศนา

 

หลังเกิดเหตุทางการลาวได้พบหลักฐานรถเบนซ์หรูถูกทิ้งริมน้ำโขง ห่างจากตัวเมืองนครหลวงเวียงจันทน์ ประมาณ 5-6 กิโลเมตร จนกระทั่งภายหลังมาพบศพลอยอืดติดฝั่งไทย ที่ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถจับคนร้ายได้ โดยตำรวจไทยมีหน้าที่เพียงสอบสวนสืบสวนชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต ก่อนที่จะมอบให้ตำรวจแผนกสืบสวนคดีอาญา สปป.ลาว ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

 

สำหรับการจัดพิธีฌาปนกิจครั้งนี้ถึงแม้จะทำพิธีแบบเรียบง่ายแต่สวยงามสมฐานะ มีการประดับตกแต่งทั้งงานศพ รวมถึงบริเวณรอบเมรุด้วยดอกไม้สดสีขาวสลับสีชมพู มูลค่าการจัดงานนับแสนบาท โดยมีครอบครัวและญาติของ "ไฮโซสาวลาว" มาร่วมไว้อาลัย นอกจากนี้ทางครอบครัวยังได้มอบเงินทำบุญสนับสนุนองค์กรต่าง ๆ เพื่อการกุศล รวมนับ 40,000 บาท หลังประกอบพิธีทางญาติจะนำอัฐิกลับไปบรรจุที่สุสานบ้านเกิด เมืองไซ แขวงอุดมไซ สปป.ลาว

 

นางมนีวัน มาว อายุ 40 ปี พี่สาวผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนมีพี่น้องทั้งหมด 6 คน ตนเป็นคนที่ 5 ส่วนผู้เสียชีวิตคือ นางวิพาพอน อายุ 36 ปี เป็นน้องคนสุดท้อง พื้นฐานครอบครัวเป็นชาวลาวเชื้อสายจีน ทำอาชีพค้าขาย ส่วนผู้ตายมาเรียนหนังสือที่นครหลวงเวียงจันทน์ตั้งแต่อายุประมาณ 20 ปี จนทำงานมีครอบครัว มีบุตรกับสามีคนแรก รวม 3 คน ส่วนลูกสาวคนที่ 4 เป็นบุตรกับสามีใหม่ ซึ่งทางญาติและครอบครัวไม่รู้ว่าสามีใหม่ทำงานอะไร เพราะผู้ตายไม่เคยเปิดเผย และไม่ได้ไปมาหาสู่กับครอบครัวหลายปีแล้ว ส่วนใหญ่จะติดต่อกันทางโทรศัพท์

 

ตนรู้เพียงว่าน้องสาวทำธุรกิจเกี่ยวกับการค้าการลงทุนในลาว ส่วนรายละเอียดการทำงานหรือความขัดแย้งไม่เคยมีข้อมูล มารู้ในวันเกิดเหตุจากญาติ รวมถึงหลานที่อาศัยกับผู้ตายที่บ้านในเวียงจันทน์ ว่าผู้ตายหายตัวปริศนาไปตั้งแต่เช้าวันที่ 10 กันยายน 2565 ติดต่อไม่ได้ และยังมีลูกสาวกับสามีใหม่ เป็นหญิงอายุ 4 ขวบที่หายตัวไปด้วย ปัจจุบันยังมีรู้ว่ามีชีวิตอยู่ หรือเสียชีวิตแล้ว

 

"เสียใจมากที่มารู้ทีหลังว่าผู้ตายคือน้องสาว ซึ่งตนเชื่อว่าเป็นการฆาตกรรมอย่างแน่นอน แต่ไม่รู้ว่าคนร้ายเป็นกลุ่มไหน เพราะไม่เคยรู้ข้อมูลเลยว่าน้องสาวมีปัญหาขัดแย้งกับใครบ้าง ครอบครัวได้แจ้งความตำรวจ สปป.ลาว ให้ติดตามหาคนร้าย รวมถึงหลานสาวอายุ 4 ขวบที่หายไป วันนี้หลังผลชันสูตรยืนยันจึงมาทำบุญประกอบพิธีฌาปนกิจตามประเพณี เพื่อนำอัฐิกลับไปบรรจุสุสานที่บ้านเกิด เพราะหากนำศพกลับจะยุ่งยากในการเดินทาง ส่วนเรื่องการติดตามคนร้ายขอให้เจ้าหน้าที่ทางการลาวดูแลต่อไป"

 

ขณะที่ พ.ต.อ.ถวิล คำเกษ ผกก.สภ.ธาตุพนม กล่าวว่า สำหรับการเสียชีวิตของนางวิพาพอน อายุ 36 ปี ทางตำรวจ สภ.ธาตุพนม ได้ระดมทีมสอบสวนสืบสวน รวมถึงเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) เข้าตรวจสอบชันสูตรศพ หลังพบศพตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2565 ริมฝั่งน้ำโขง ในเขตเทศบาลตำบลธาตุพนม พบสภาพศพถูกฆาตกรรมด้วยการถูกยิงด้วยกระสุนปืน คาดว่าเป็นปืนยาว กระสุนฝังศีรษะ 1 นัด สภาพศพถูกยัดกระเป๋าในท่านั่งคุดคู้ ไม่มีการมัดมือมัดเท้า เป็นกระเป๋าเดินทางสีดำขนาดใหญ่ ส่วนเสื้อจากการชันสูตรเบื้องต้นพบเป็นเสื้อผ้าแบรนด์เนมที่มีราคา จึงเป็นที่มาของเบาะแสให้ญาติผู้เสียชีวิตออกมายืนยันตัวตนผู้เสียชีวิตหลังติดตามข่าวผ่านสื่อ

 

นอกจากนี้ยังได้ส่งศพไปชันสูตรที่ สถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ กทม. เพื่อเทียบเคียงดีเอ็นเอระหว่างบุตรผู้เสียชีวิต เมื่อยืนยันตรงกันทางตำรวจจึงได้ส่งมอบคืนญาติเพื่อบำเพ็ญกุศลตามประเพณี ส่วนอำนาจหน้าที่ในการสอบสวน ทางตำรวจไทยมีหน้าที่เพียงชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต ยืนยันเป็นการฆาตกรรม และในการสืบสวนปมที่มาการเสียชีวิตรวมถึงการติดตามคนร้ายจะมอบหมายให้ตำรวจแผนกสืบสวนคดีอาญา สปป.ลาว และทางการลาว ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

 

ข่าวโดย พงศ์สุคนธ์ คุณธรรมมงคล จ.นครพนม