"ชูวิทย์" ยื่น DSI ตรวจเส้นทางเงินพันล้าน "ตู้ ห่าว" ชี้เป้าปมฟอกเงิน
ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ร้องกระทรวงยุติธรรม ตรวจสอบเส้นทางการเงินพันล้าน “ตู้ ห่าว” ส่งต่อ “ดีเอสไอ” พิจารณารับเป็นคดีพิเศษ ชี้เป้าใครที่ “ทุนจีนสีเทา” ฟอกเงินให้
เวลา 10.30 น. ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง นำหลักฐานมายื่นให้ ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตอารีย์รัตน์ เลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อม พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองบริหารคดีพิเศษ ดีเอสไอ เพื่อขอให้ตรวจสอบกลุ่มนายทุนจีนสีเทา ที่เข้ามาทำธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย
ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต เผยว่า นายชูวิทย์ นำเอกสารมายื่นให้กระทรวงยุติธรรม ตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มนายทุนจีนเกี่ยวข้องขบวนการฟอกเงินและค้ายาเสพติด เพื่อดำเนินการยึดอายัดทรัพย์ตามขั้นตอน โดยมอบหมาย ดีเอสไอ ตั้งเลขสืบสวน คาดใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ตรวจสอบข้อเท็จจริง และจะรวบรวมข้อมูลว่าเข้าเงื่อนไขเป็นคดีพิเศษหรือไม่ รวมทั้ง จะให้กรมคุ้มครองสิทธิฯ มาดูแลเรื่องของการคุ้มครองพยาน นายชูวิทย์ เนื่องจากเป็นคดีใหญ่สังคมให้ความสนใจและกังวลเรื่องความปลอดภัยจากกลุ่มผู้ไม่หวังดี
ด้าน พ.ต.ต.ยุทธนา เผยว่า ดีเอสไอ จะพิจารณาตามเงื่อนไข ทั้งการฟอกเงินขบวนกาค้ายาเสพติด , การประกอบธุรกิจในบุคคลต่างด้าวและการประมูลงานของรัฐกับกลุ่มนายทุนจีน ว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ โดยจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ในการแสวงหาหลักฐาน
นายชูวิทย์ กล่าวว่า วันนี้ตนเองมาในฐานะพลเมืองที่อยากช่วยเหลือสังคม เพราะเห็นความผิดความชั่วร้ายของธุรกิจทุนจีนสีเทา โดยเฉพาะที่เป็นนายทุนจีนตัวการใหญ่ ทั้งที่ผ่านมา ตนเองนำเสนอข้อมูลต่างๆ ไปแล้วแต่จนตอนนี้ยังไม่มีการออกหมายจับ ออกหมายเรียก หรือ การไปตรวจสอบนายตู้ ห่าวเลยแต่อย่างใด ซึ่งตนเองนำข้อมูลที่เป็นเอกสาร ทั้งเส้นทางการเงิน ข้อมูลกลุ่มนอมินี และข้อมูลทรัพย์สินที่มีมูลค่ากว่าพันล้านบาทมายื่นให้ตรวจสอบ และตั้งข้อสังเกตว่านายตู้ ห่าว นั้นเป็นแหล่งฟอกเงินของใครหรือไม่
ส่วนที่ว่าหลังจากนี้จะต้องการให้กระทรวงยุติธรรมคุ้มครองพยานหรือไม่ นายชูวิทย์บอกว่า ตนเองไม่ต้องการที่จะให้คุ้มครองพยาน เพราะตนเองไม่กลัว และเคยผ่านความเป็นความตายมาก่อนหน้านี้
ส่วนช่วงบ่ายวันนี้คู่กรณีอดีตนายตำรวจสันติบาล จะมายื่นหนังสือให้กระทรวงยุติธรรม ตรวจสอบการเสียภาษีธุรกิจอาบอบนวดของนายชูวิทย์นั้น นายชูวิทย์ได้บอกว่า ไม่กลัว ยินดีให้ตรวจสอบ เพราะธุรกิจอาบอบนวดของตน ได้ขายไปหมดแล้ว และไม่รู้ว่าจะอยากตรวจสอบไปทำไม
ส่วนพรุ่งนี้ที่ตนเองจะไปฟ้องศาลอาญา ดำเนินคดีกับอดีตตำรวจคู่กรณีกลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษทางอาญา และจะไปห้องศาลแพ่งในวันเดียวกัน เรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท และนี่เป็นครั้งแรก ที่ตนเองเป็นโจทย์ในการฟ้องคดี และในวันที่ 23 พ.ย. ตนเองจะไปรัฐสภาฯ เพื่อยื่นเรื่องถึงข้อมูลให้กับประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ และจะเปิดเผยข้อมูลลับ ที่ตนเองมองว่า เป็นแค่จิ๊กโก๋ปากซอย และยังถูกไล่ออกจากราชการ แต่กลับไปฟ้องร้องผู้อื่นไปทั่ว
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวว่าอดีตตำรวจท้าทายให้นายชูวิทย์ อยู่รอในช่วงบ่าย ซึ่งนายชูวิทย์ ได้บอกว่า ไม่รอให้เสียเวลา เดี๋ยวก็ได้เจอกันอีก เช่นที่ศาล หรือที่อื่น ขืนรออยู่อาจจะได้มีการตบกบาลก็เป็นได้