เหยื่อนับร้อยแจ้งจับ "สาวแสบ" หลอกพาไปทำงานเกาหลี สุดท้ายหอบเงินล้านหนี
กลุ่มผู้เสียหายนับร้อยราย แห่แจ้งจับ "สาวแสบ" ฉ้อโกง หลังหลอกเหยื่อจะพาไปทำงานที่เกาหลีใต้ สุดท้ายหอบเงินหลายล้านหนีเข้ากลีบเมฆ
วันที่ 6 มกราคม 2566 กลุ่มผู้เสียหายซึ่งเป็นชาวบ้านจากหลายจังหวัดทั้งบุรีรัมย์ นครราชสีมา ร้อยเอ็ด อุดรธานี อุบลราชธานี และสระแก้ว รวมนับ 100 ราย แห่นำหลักฐานสลิปการโอนเงินและข้อความการสนทนาเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ให้ดำเนินคดีกับ น.ส.สุภรัตน์ หรือ มะปราง อายุ 24 ปี หลังมีพฤติกรรมฉ้อโกง
โดยมีพฤติการณ์หลอกลวงชาวบ้านว่าจะพาไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ สร้างเรื่องว่ามีพ่อเลี้ยงเป็นชาวเกาหลี ทำงานเป็นหัวหน้า ตม.ที่เกาหลี อีกทั้งมีสวนผัก สวนมะเขือเทศ และไร่สตรอว์เบอร์รีเป็นของตัวเอง โดยพ่อเลี้ยงต้องการคนไปทำงานดูแลสวนที่เกาหลี โดยบอกว่าจะได้ค่าแรงสูงถึงเดือนละ 62,000 บาท ถ้ารวมโอทีด้วยก็เกือบ 1 แสนบาท ทำให้ชาวบ้านหลงเชื่อ
นอกจากนั้น น.ส.สุภรัตน์ หรือ มะปราง ยังสร้างโปรไฟล์ให้ดูน่าเชื่อถือด้วยการทำตัวเหมือนคนมีเงิน ทั้งปล่อยเงินกู้ และล่าสุดก็ให้ช่างทุบรื้อบ้านของพ่อแม่สามีทั้งที่ตัวเองเพิ่งมาเป็นสะใภ้ได้เพียง 3 เดือน โดยบอกว่าจะสร้างบ้านหลังใหม่ให้ แต่พอทุบทิ้งแล้วสั่งของมากองไว้รวมทั้งค่าช่างประมาณ 2 แสนบาท จากนั้นก็หายตัวออกจากบ้านไป ซึ่งอ้างว่าจะออกไปรับแม่แล้วก็ติดต่อไม่ได้อีกเลย
ปล่อยให้แม่สามี และชาวบ้านกว่า 100 คนที่ถูกหลอกจะพาไปทำงานเกาหลีใต้ โดยนัดให้มารอขึ้นรถตู้ที่บ้านสามีตอน 7 โมงเช้าวันนี้ เพื่อจะพาไปขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิ แต่พอถึงเวลานัดหมายกลับไม่เห็นตู้สักคัน ส่วนตัว น.ส.มะปราง ก็หนีหายไปพร้อมกับเงินที่หลอกชาวบ้านโอนเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปจำนวนหลักล้านบาท โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าหายไปไหน เพราะเจ้าตัวได้ปิดทุกช่องทางการติดต่อ ทิ้งให้สามีและแม่สามีรับหน้าแทน ทั้งที่ไม่ได้รู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับการกระทำของ น.ส.มะปราง มิหนำซ้ำยังถูกหลอกให้ทุบบ้านทิ้ง ต้องเป็นหนี้ค่าวัสดุอุปกรณ์และค่าช่างอีกกว่า 2 แสนบาทด้วย หลังจากรู้ตัวว่าถูกหลอกชาวบ้านจึงได้พากันเข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีตามกฎหมายกับ น.ส.มะปราง
นายศุภกฤต อายุ 28 ปี ชาว จ.ร้อยเอ็ด หนึ่งในผู้เสียหาย เล่าว่า ปกติมีอาชีพขายก๋วยเตี๋ยวที่จ.ร้อยเอ็ด พอมีคนรู้จักมาชักชวนว่า น.ส.มะปราง ซึ่งมีพ่อเลี้ยงเป็นชาวเกาหลี และเป็นหัวหน้า ตม.ที่เกาหลี จะพาคนไปทำงานดูแลสวนมะเขือเทศ และไร่สตรอว์เบอร์รีที่เกาหลี โดยจะเดินเรื่องเอกสารการเดินทางให้ทั้งหมด จะได้ค่าแรงสูงถึง 62,000 บาท รวมโอทีก็เกือบแสน ส่วนค่าเดินทางก็เรียกเก็บไม่เท่ากัน เฉลี่ยตั้งแต่หลักพันถึงหลักหมื่นบาท โดยบางคนโอนจ่ายไปแล้ว 8 หมื่นบาท แต่พอมาวันนี้ น.ส.มะปราง ได้นัดให้มารวมตัวกันที่บ้านสามีของเธอเพื่อมาขึ้นรถตู้ไปสนามบิน แต่พอถึงเวลา น.ส.มะปราง กลับหายตัวออกจากบ้านไปและไม่สามารถติดต่อได้ มีเพียงสามีและแม่สามีอยู่ที่บ้านด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเพราะถูกหลอกเหมือนกัน จึงอยากให้ตำรวจเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีและนำเงินมาคืน เพราะบางคนลาออกจากงานเพราะคิดว่าจะได้ไปทำงานที่เกาหลี
ทางด้าน นายแก๊ป อายุ 23 ปี สามีของ น.ส.มะปราง เผยว่า เมื่อ 4 เดือนก่อนตนรู้จักกับ น.ส.มะปราง ผ่านทางเฟซบุ๊ก ก็พูดคุยกันสักพักแล้วคบหากันเป็นแฟน แต่เพิ่งมาอยู่กินกันแบบสามีภรรยาที่บ้านตนเองได้ 3 เดือน ก็ไม่มีใครเคยเห็นแม่หรือพ่อเลี้ยงของเขา แต่เขาบอกว่าพ่อเลี้ยงเป็นชาวเกาหลีใต้ และตนก็ไม่รู้ว่าภรรยาจะไปหลอกชาวบ้านหลายจังหวัดว่าจะพาไปทำงานเกาหลีใต้ แต่พอประมาณตี 1 กลับบอกตนว่าจะไปรับแม่ แล้วก็หายไปติดต่อไม่ได้อีกเลย ซึ่งเรื่องนี้ตนกับครอบครัวไม่ได้เกี่ยวข้องหรือรู้เรื่องด้วยเลย
ขณะที่ นางเกสร อายุ 45 ปี แม่สามีของ น.ส.มะปราง เล่าว่า ตอนที่ น.ส.มะปราง ลูกสะใภ้มาอยู่กินกับลูกชายที่บ้านตลอด 3 เดือนก็ใช้ชีวิตปกติ แต่ที่บ้านไม่มีใครเคยได้คุยกับแม่และพ่อเลี้ยงของ น.ส.มะปราง เลย โดยมะปรางบอกว่าพ่อเลี้ยงเป็นชาวเกาหลีใต้ ตนก็เคยเห็นเขาวิดีโอคอลคุยกับคนต่างประเทศ ซึ่งเขาบอกว่าเป็นพ่อ แต่เขาคุยภาษาต่างประเทศกันคนที่บ้านก็ฟังไม่ออก ก็ไม่คิดว่าสะใภ้จะทำแบบนี้กับครอบครัวตนได้ อยากให้กลับมารับผิดชอบ
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งสอบปากคำผู้เสียหาย ซึ่งต้องใช้พนักงานสอบสวนหลายคนช่วยกันสอบเพราะผู้เสียหายมีจำนวนมาก และคาดต้องใช้เวลาหลายวันเพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน เบื้องต้นได้ทำเรื่องขออายัดบัญชีของ น.ส.มะปราง ไว้แล้ว พร้อมประสาน ตม.ให้อายัดการเดินทางออกนอกประเทศ และได้ยื่นขออนุมัติศาลจังหวัดบุรีรัมย์เพื่อออกหมายจับ เนื่องจากเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน
ข่าว สุรชัย พิรักษา จ.บุรีรัมย์