แจ้งจับประธานทีมฟุตบอลดัง จ.อุดรธานี ตุ๋นจ่ายค่าหัวละ 2 หมื่นไปทำงานเกาหลี
ผู้เสียหายเข้าแจ้งความแจ้งจับประธานทีมฟุตบอลดัง จ.อุดรธานี ตุ๋นจ่ายหัวละ 20,000 บาทเพื่อไปทำงานที่เกาหลี แต่เมื่อจ่ายเงินแล้ว สุดท้ายก็ไม่ได้เดินทางไปทำงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีผู้เสียหาย คือ นายเอ (นามสมมติ) อายุ 40 ปีชาว จ.อุดรธานี นายบี (นามสมมติ) อายุ 35 ปีชาว จ.หนองคาย พร้อมพวกรวม 9 คนเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.ผลิตอรัญ บุญมาตุ่น รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อ ดำเนินคดีกับ น.ส.สวย (นามสมมุติ) อายุ 41 ปี ประธานทีมฟุตบอลดังใน จ.อุดรธานี ที่อ้างว่าสามารถพาพวกตนเดินทางเข้าประเทศเกาหลีเพื่อไปทำงานได้ โดยมีนายจ้างเกาหลีรับรอง จ่ายค่าดำเนินการคนละ 20,000 บาท ซึ่งมีผู้สนใจกว่า 60 คน
และมีการจัดทำไลน์กลุ่มนัดประชุมที่สำนักงานสโมสรฟุตบอล มีนายจ้างจากเกาหลีเดินทางมาประชุมด้วย แต่เมื่อจ่ายเงินแล้ว สุดท้ายก็ไม่ได้เดินทางไปทำงานโดยมีเอกสารสัญญาจ้าง ใบเสร็จรับเงิน การโอนเงิน คลิปการประชุม ข้อความแชทเป็นหลักฐาน เหตุเกิดเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 จนถึงวันที่ 9 มกราคม 2566
นายเอ เล่าว่า ตนเป็นช่างเชื่อมเคยเดินทางไปทำงานที่ประเทศเกาหลีแบบถูกต้องผ่านสำนักงานจัดหางาน 5 ปี ก่อนเกิดเหตุเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2565 มีเพื่อนมาชักชวนไปทำงานเกาหลี โดยเล่าว่า น.ส.สวย หรือมาดาม ผู้บริหารทีมฟุตบอลชื่อดัง จ.อุดรธานี สามารถพาไปทำงานประเทศเกาหลีได้ ตนสนใจจึงโทรศัพท์หาซึ่งก็อ้างว่า สามารถพาไปทำงานที่ประเทศเกาหลีได้ เพราะว่าทีมฟุตบอลมีหนังสือเชิญไปดูงานที่ประเทศเกาหลี และจะพาพวกตนเดินทางไปด้วยในนามทีมฟุตบอลจึงมีการจัดตั้งไลน์กลุ่ม มีสมาชิกกว่า 60 คน
ซึ่ง นายเอ เล่าต่อว่า มีการนัดประชุมกลุ่มในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 มีนายลีโอนายจ้างชาวเกาหลีและล่ามมาประชุมด้วย โดยในที่ประชุมบอกว่า เดินทางไปเกาหลีแบบมีบัตรเชิญในนามทีมฟุตบอล มีวีซ่า 100% สามารถเข้าได้ มีงานเกษตรและงานโรงงานรองรับ มีสัญญาจ้างแน่นอน
หากใครสนใจให้โอนเงินก่อนวันที่ 20 พฤศจิกายน คนละ 20,000 บาท เป็นค่าที่พักและค่าทำวีซ่า เมื่อได้ทำงานแล้วจะไปหักค่าแรงวันละ 500 บาท ถ้าเข้าไม่ได้คืนเงินทุกคน ทำให้ผู้เข้าร่วมประชุมหลงเชื่อ คนที่อยู่ใกล้ให้ส่งเอกสารมาที่สำนักงานสโมสรฟุตบอล ส่วนคนอยู่ไกลให้ส่งทางไปรษณีย์โดยมีใบเสร็จรับเงินให้ด้วย
นายเอ เล่าต่อว่า หลังจากโอนเงินแล้วมีการนัดประชุมที่สำงานสโมสรทีมฟุตบอลเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2565 สำหรับคนที่อยู่ไกลให้ประชุมทางออนไลน์ โดยได้มีการบันทึกคลิปเอาไว้ พอประชุมเสร็จได้นัดหมายการเดินทางไปเกาหลี
แต่ น.ส.สวย ก็มาแจ้งว่า ต้องตรวจ K-ETA ก่อน โดย K-ETA หรือ Korea Electronic Travel Authorization คือ ระบบอนุมัติการเดินทางออนไลน์สำหรับชาวต่างชาติที่ต้องการเข้าประเทศเกาหลีใต้โดยไม่ต้องขอวีซ่า เพื่อวัตถุประสงค์ในการท่องเที่ยว เยี่ยมชม การเข้าร่วมกิจกรรม หรือประชุม ธุรกิจ ยกเว้นวัตถุประสงค์ทางพาณิชย์
หากตรวจไม่ผ่านจะคืนเงิน แต่ก็นัดกลุ่มแรก 15 คนจะต้องบินไปเกาหลี วันที่ 23 ธันวาคม 2565 แต่ไม่ได้บิน เพราะตรวจ K-ETA ยังไม่เสร็จ ได้แจ้งเลื่อนไปบินกับกลุ่ม 2 ในวันที่ 9 มกราคม 2566 พอถึงวันนัดหมายก็ไม่ได้บินแม้แต่คนเดียว ว่าจะคืนเงินแต่นัดแล้วก็มีแต่เลื่อนยังไม่ได้เงินคืนจนถึงวันนี้
"ตอนประชุมบอกว่าไปแบบมีวีซ่า ไม่ได้ไปแบบผีน้อย มีนายจ้างเกาหลีมีล่าม มาบอกว่ามีงานโรงงานกิมจิ โรงงานสาหร่าย งานอ็อกเชื่อม ไปกับสโมสรฟุตบอล มีบัตรเชิญ มีการการันตีเข้าได้แน่นอน ทุกคนก็มีการโอนเงิน 20,000 บาทเป็นค่าดำเนินการ เมื่อเข้าไปทำงานแล้วเขาจะหักเงินวันค่าแรงละ 500 บาท สุดท้ายไม่ได้บินและยังมาแจ้งว่า นายลีโอ นายจ้างเกาหลีก็ยกเลิกไม่รับแรงงานแล้ว ก็แปลว่าแม้จะเข้าไปได้ก็ต้องเป็นผีน้อยหางานทำเอง"
นายเอ เล่าต่ออีกว่า ผลการตรวจ K-ETA ผ่าน 25 คนแต่มีเพียง 5 คน ที่มีความประสงค์จะเดินทางไปเกาหลี แต่ถูกเรียกเงินเพิ่มอีกคนละ 8,000 บาท ซึ่ง น.ส.สวย ก็พาทั้ง 5 คนบินเข้าประเทศเกาหลีและบอกว่าหากใครสนใจก็มาสมัครได้และจะพาคนที่ผ่าน K-ETA ไปอีก
ส่วนพวกตนและเพื่อนรวม 9 คน ไม่เชื่อและไม่ไปแล้ว จึงขอเงินคืนแต่ น.ส.สวย ก็ยังไม่ยอมคืนเงินพวกตน ต่างก็ทยอยไปแจ้งความตามสถานีตำรวจ ส่วนสาเหตุที่ทำให้พวกตนเชื่อถือว่าเดินทางเข้าประเทศเกาหลีได้จริง เพราะ น.ส.สวย เป็นผู้บริหารทีมสโมสรฟุตบอลที่มีชื่อเสียง มีหนังสือเชิญจึงเชื่อว่าเข้าได้แน่นอน และถูกกฎหมาย ทุกคนมีความฝัน มีความหวัง และลาออกจากงานเตรียมบินไปทำงาน แต่สุดท้ายก็โดนหลอกจึงมาแจ้งความดำเนินคดี
ทางด้าน พ.ต.ท.ผลิตอรัญ บุญมาตุ่น รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า มีผู้เสียหายมาแจ้งความดำเนินคดีกับผู้บริหารทีมฟุตบอล 9 คน ได้สอบสวนปากเสร็จแล้ว 2 คน และนัดสอบปากคำในวันเสาร์ที่ 28 มกราคม 2566 อีก 4 คน เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับ
แม้ว่าผู้ถูกกล่าวหาจะโทรติดต่อผู้เสียหายว่าจะคืนเงินให้ ก็ยังมีความผิดตาม พ.ร.บ.จัดหางาน มาตรา 91 "ผู้ใดหลอกลวงผู้อื่นว่า สามารถหางาน หรือสามารถส่งไปฝึกงานในต่างประเทศได้ และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งเงิน หรือทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ถูกหลอกลวง"
ซึ่งเป็นความผิดต่อรัฐ รัฐเป็นผู้เสียหายและจะได้ประสานเจ้าหน้าที่จัดหางานจังหวัดอุดรธานี เข้าตรวจสอบเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อไป
ส่วนทางด้านว่าที่ร้อยโท อนุเทพ ศรีดาวเรือง จัดหางาน จ.อุดรธานี ให้ข้อมูลผ่านทางโทรศัพท์เพิ่มเติมว่า ยังไม่ทราบละเอียดที่ชัดเจนมากนัก ต้องรอให้ทางตำรวจประสานข้อมูลมาให้ครบถ้วนก่อน หากผู้ถูกกล่าวหามีพฤติการณ์ดังกล่าวจริง และหากไม่มีใบอนุญาตจัดหางานก็จะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.จัดหางานมาตรา 91 ตรี ซึ่งมีโทษจำคุก 3-10 ปีหรือปรับไม่เกิน 60,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อไปยัง น.ส.สวย ประธานสโมสรผู้ถูกกล่าวหา แต่ไม่มีการรับสายแต่อย่างใด