GISTDA เผย "จุดความร้อน" ในไทยพุ่ง 1,867 จุด ภาคเหนือ PM 2.5 เริ่มมีผลต่อสุขภาพ
GISTDA เผย "จุดความร้อน" ในไทยวานนี้พุ่ง 1,867 จุด ส่วนใหญ่พบในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ กาญจนบุรียังอันดับ 1 จังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุด
วันนี้ (25 ก.พ. 2566) สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA เผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) ไทยพบจุดความร้อนวานนี้ (24 ก.พ. 2566) จำนวน 1,867 จุด
ในขณะที่จุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ยังครองอันดับหนึ่ง อยู่ที่ 3,070 จุด รองลงมาคือ กัมพูชา 1,951 จุด , สปป.ลาว 1,400 จุด , เวียดนาม 390 จุด และ มาเลเซีย 7 จุด
สำหรับจุดความร้อนในประเทศไทยส่วนใหญ่พบในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 729 จุด , พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 488 จุด , พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 249 จุด , พื้นที่เกษตร 232 จุด , พื้นที่เขต สปก. 161 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 8 จุด
ในส่วนของจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุดคือ กาญจนบุรี 290 จุด , ชัยภูมิ 131 จุด และอุตรดิตถ์ 136 จุด ตามลำดับ
ส่วนค่า "ฝุ่น PM 2.5" เมื่อตรวจสอบจากแอปพลิเคชั่น "เช็คฝุ่น" เมื่อเวลา 11:00 น. พบว่าในหลายจังหวัดของพื้นที่ภาคเหนือ อาทิ เชียงใหม่ ลำพูน แม่ฮ่องสอน ตาก เชียงราย อยู่ระดับที่เริ่มมีผลต่อสุขภาพ
ในขณะที่หลายพื้นที่ของกรุงเทพมหานครอยู่ระดับปานกลาง แต่อย่างไรก็ตามก่อนออกจากบ้านควรสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเพื่อป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจ
ทั้งนี้สิ่งที่ต้องเฝ้าระวังที่มักจะมากับเหตุการณ์ไฟป่าและจุดความร้อน คือ PM 2.5 สถานการณ์การจุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านอาจส่งผลให้เกิด PM 2.5 ได้ในพื้นที่บริเวณชายแดน เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากประแสลมที่จะพัดผ่านเข้ามา ปัญหาไฟป่าหมอกควัน ส่งผลกระทบให้กับระบบต่างๆ ของประเทศมาโดยตลอด โดยเฉพาะระบบเศรษฐกิจ ระบบสังคม
ดังนั้นในอนาคตอันใกล้นี้ ประเทศไทยกำลังจะได้ใช้ระบบ THEOS-2 อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่ง 1 ในภารกิจสำคัญของระบบนี้ คือการสำรวจ วิเคราะห์ และติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นหรือคาดว่าจะเกิดขึ้น ได้อย่างทันท่วงทีและแม่นยำ เพื่อการสนับสนุนข้อมูลสำคัญให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำข้อมูลไปใช้วางแผน ป้องกัน บรรเทา และแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม รายละเอียดข้อมูลเฉพาะพื้นที่ท่านสามารถติดตามจากหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบโดยตรงได้ GISTDA ยังคงติดตามและรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นข้อมูลให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้บริหารจัดการในพื้นที่ ท่านสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://fire.gistda.or.th และควรติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ผ่านแอปพลิเคชั่น "เช็คฝุ่น"
