'จุดความร้อน' ไทยวานนี้ ลดลง 'เชียงราย' สูงสุดทั้งจุดความร้อน-ฝุ่น PM 2.5
"จุดความร้อน" ของไทยวานนี้ลดลงเหลือ 1,100 จุด "เชียงราย" ยังคงสูงสุดทั้งจุดความร้อน และฝุ่น PM 2.5 ส่วนค่าฝุ่น PM2.5 เช้านี้ยังคงเกินค่ามาตรฐานกว่า 30 จังหวัด
สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA เผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของวันที่ 16 เมษายน 2566 ไทยพบ "จุดความร้อน" 1,100 จุด ในขณะที่เพื่อนบ้านอย่างพม่ายังครองแชมป์อันดับหนึ่งอยู่ที่ 5,417 จุด, สปป.ลาว 1,331 จุด, เวียดนาม 78 จุด ,มาเลเซีย 49 จุด และกัมพูชา 5 จุด
ข้อมูลจากดาวเทียมระบุอีกว่า "จุดความร้อนในประเทศไทย" ในประเทศไทย ยังคงพบในพื้นป่าอนุรักษ์มากที่สุด 504 จุด ตามด้วยป่าสงวนแห่งชาติ 472 จุด,พื้นที่เขต สปก. 55จุด ,พื้นที่เกษตร 43 จุด และพื้นที่ชุมชนอื่นๆ 26 จุด
จังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุด 3 อันดับ คือ
- เชียงราย 279 จุด
- เชียงใหม่ 215 จุด
- น่าน 115 จุด
ในขณะที่สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ของวันนี้เวลา 8.00 น. ยังคงเกินค่ามาตรฐานและอยู่ในระดับสีส้มไปถึงสีแดงในหลายพื้นที่ โดยกระจายกันไปยังพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง โดยเฉพาะที่จังหวัดเชียงรายมีค่าฝุ่นอันดับหนึ่งอยู่ 204.6 ไมโครกรัม รองลงมา แม่ฮ่องสอน 169 ไมโครกรัมและพะเยา 144.2 ไมโครกรัม ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพ
ทั้งนี้ สถานการณ์ดังกล่าวประชาชนควรสวมหน้ากากอนามัย และงดกิจกรรมภายนอกอาคารสถานที่เพื่อป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจที่จะตามมา ในขณะที่กรุงเทพมหานคร คุณภาพอากาศอยู่ในระดับปานกลาง แต่เมื่อดูของแต่ละเขตพบว่า บางบอน บางขุนเทียน บางแค ทุ่งครุ ภาษีเจริญ ราชเทวี ตลิ่งชัน จอมทอง ปทุมวัน มีค่าคุณภาพอากาศเกินมาตรฐานระดับสีส้ม ที่เริ่มส่งผลต่อสุขภาพเช่นกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
สิ่งหนึ่งที่ต้องเฝ้าระวังที่มักจะมากับเหตุการณ์ไฟป่าและจุดความร้อน คือ PM 2.5 สถานการณ์จุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านอาจส่งผลให้เกิด PM 2.5 ได้ในพื้นที่บริเวณชายแดนเนื่องจากได้รับอิทธิพลจากกระแสลมที่จะพัดผ่านเข้ามา ประกอบกับภูมิประเทศทางภาคเหนือของไทยมีลักษณะเป็นหุบเขาแอ่งกระทะ จึงมีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกับการพัดและการเคลื่อนตัวของกระแสลมในพื้นที่เป็นสำคัญ
ปัญหาไฟป่าหมอกควัน ส่งผลกระทบให้กับระบบต่างๆ ของประเทศมาโดยตลอด โดยเฉพาะระบบเศรษฐกิจ ระบบสังคม และสิ่งแวดล้อม ดังนั้น ในอนาคตอันใกล้นี้ ประเทศไทยกำลังจะได้ใช้ระบบ THEOS-2 อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่ง 1 ในภารกิจสำคัญของระบบนี้ คือการสำรวจ วิเคราะห์ และติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นหรือคาดว่าจะเกิดขึ้น ได้อย่างแม่นยำและทันท่วงที เพื่อการสนับสนุนข้อมูลสำคัญให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำข้อมูลไปใช้วางแผน ป้องกัน บรรเทา และแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม รายละเอียดข้อมูลเฉพาะพื้นที่ท่านสามารถติดตามจากหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบโดยตรง GISTDA ยังคงติดตามและรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นข้อมูลให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้บริหารจัดการในพื้นที่
ท่านสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://fire.gistda.or.th หรือ ติดตามข้อมูลจาก https://fire.gistda.or.th/dashboard.html และควรติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ผ่านแอปพลิเคชัน "#เช็คฝุ่น"