ลือ 'บ้านร้าง' อาถรรพ์ เจ้าของบ้านลั่นออกข่าวไม่เป็นความจริง จ่อฟ้องเอาผิด
เจ้าของบ้านโวยสร้างข่าวเท็จ 'บ้านร้าง' อาถรรพ์ ลั่นไม่เป็นความจริง จ่อฟ้องเอาผิดฐานบุกรุก เผยมีคนมาขอซื้อ 10 ล้านแต่ไม่ขายเพราะมีคุณค่าทางจิตใจ สุดฮือฮาพบเป็นถึงลูกหลานตระกูลเจ้าเมือง
กรณีมีการนำเสนอข่าว 'บ้านร้าง' หลังใหญ่ทรงหรูหรา เป็นบ้านปูนสองชั้น ตั้งอยู่เลขที่ 175 หมู่ 18 บ้านน้ำก่ำใหม่พัฒนา ต.น้ำก่ำ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ริมทางหลวงชนบท นพ.3015 เส้นเลียบแม่น้ำโขงระหว่าง อ.ธาตุพนม - อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร ว่ามีคนร่ำลือเป็น 'บ้านร้างอาถรรพ์' จนทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆนานา
ต่อมาเจ้าของบ้านเกิดความไม่พอใจเนื่องจากมีคนบุกรุกเข้าไปในพื้นที่บ้านหลังดังกล่าวโดยไม่ได้ขออนุญาตในการถ่ายภาพบ้านซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล รวมถึงนำไปเสนอข่าวในเชิงไม่สร้างสรรค์ สร้างความเข้าใจผิดให้กับประชาชน รวมถึงเผยแพร่ออกสื่อโดยไม่ได้รับอนุญาต อีกทั้งไม่มีการสอบถามข้อเท็จจริงกับเจ้าของบ้านตัวจริง
ล่าสุดวันนี้ (22 เมษายน 2566) นางกลิ่นเมล็ด (สงวนนามสกุล) อายุ 64 ปี อดีตพยาบาลวิชาชีพชำนาญการ พร้อมกับสามีนายชัยรัตน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 65 ปี อดีตข้าราชการครู ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านหลังดังกล่าว ได้เดินทางมาร้องเรียนต่อนายเอกพันธ์ ผดุงสิทธิธรรม ปลัดอำเภอธาตุพนม เพื่อประสานหน่วยงานเกี่ยวข้อง กรณีสื่อบางสำนักนำเสนอข่าวบิดเบือน รวมถึงนำเสนอภาพข่าวบุกรุกพื้นที่เข้าไปโดยไม่มีการขออนุญาต สร้างความเข้าใจผิดกับสังคม พร้อมจะเอาผิดทางกฎหมายและเรียกร้องให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวออกมารับผิดชอบลงแก้ข่าวขอโทษกับการนำเสนอออกไป เนื่องจากไม่เป็นไปอย่างที่เป็นข่าว อีกทั้งไม่สอบถามเจ้าของบ้าน พร้อมประสานสื่อร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง
'ตนไม่พอใจอย่างมากกรณีมีการนำเสนอข่าวบ้านของตนโดยไม่ขออนุญาต และบุกรุกเข้าไปถ่ายภาพในบ้านและนำไปเสนอลือเป็นอาถรรพ์ต่างๆนานา ถึงแม้จะยืนยันว่าไม่มีสิ่งลี้ลับ แต่หลังการเสนอข่าวออกไปก็ทำให้หลายคนเข้าใจผิด โทรสอบถามกันจ้าละหวั่น และเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่ว ซึ่งตนไม่พอใจอย่างมาก เชื่อเป็นการนำเสนอแค่อยากขายข่าว ทั้งที่ตนอยู่ในหมู่บ้าน แต่กลับไปสอบถามคนอื่น ยอมรับเสียความรู้สึก อยากให้คนที่นำข่าวไปเสนอมาขอโทษและแก้ข่าวให้ทุกสำนัก หากไม่ดำเนินการจะดำเนินคดีตามกฎหมาย'
นางกลิ่นเมล็ด เผยต่อว่า ความจริงคือบ้านหลังนี้ตนกับน้องชายร่วมกันก่อสร้างเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ลักษณะเป็นบ้านสวน เนื่องจากเดิมพื้นที่ดังกล่าวเป็นทุ่งนาอยู่ท้ายหมู่บ้าน เห็นว่าพื้นที่เหมาะแก่การสร้างเป็นบ้านพักผ่อน จึงได้ร่วมกันสร้างขึ้น ทั้งที่มีบ้านอยู่แล้วหลายหลัง เพราะทางครอบครัวพอมีฐานะอยู่บ้าง โดยส่วนใหญ่ล้วนรับราชการ ไม่มีปัญหาเดือดร้อน
ส่วนเหตุที่ปล่อยร้างเพราะก่อนนี้น้องชายคือ นายสุนทร อายุ 57 ปี อดีตข้าราชการครู แต่ไม่มีครอบครัว มีโรคประจำตัวเจ็บป่วย และเสียชีวิตเมื่อปี 2559 เดิมตนก็พักอาศัยบ้านหลังนี้กับน้องชาย แต่หลังจากน้องชายเสียชีวิตตนจึงย้ายไปอยู่บ้านอีกหลังกับสามี แต่ยังแวะเวียนมาดูแลบ้านหลังดังกล่าวตามสภาพ ปัจจุบันภายในบ้านใช้เป็นที่เก็บของ เคยมีคนมาติดต่อซื้อราคาเกือบ 10 ล้านบาท เพราะมีเนื้อที่รวมกว่า 8 ไร่ บางคนก็มาขอเช่า แต่ตนไม่ต้องการขายและไม่ให้ใครเช่า เพราะไม่มีความจำเป็นและตนไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน
ที่สำคัญอยากเก็บไว้เป็นอนุสรณ์เพราะเคยอาศัยอยู่กับน้องชาย สำหรับพระธาตุที่อยู่หน้าบ้าน 3 องค์ เป็นองค์พระธาตุพนมจำลองที่น้องชายและตนเคารพศรัทธา จึงนำมาบูชากราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคล ไม่ใช่ที่เก็บอัฐิกระดูกผู้เสียชีวิตตามที่เป็นข่าว และยังมีศาลพระภูมิที่ตั้งไว้หน้าบ้านตั้งแต่ทำการก่อสร้างบ้าน และไม่มีความจำเป็นต้องรื้อถอน ย้ำว่าเสียความรู้สึกมากแค่อยากขายข่าวแต่ไม่มาสอบถามความจริงกับเจ้าของบ้าน ถ้าเป็นบ้านใครก็ต้องเสียความรู้สึก และละแวกเดียวกันก็มีบ้านร้างมากมายหลายหลัง ส่วนอาถรรพ์ลี้ลับเป็นเพียงแค่การพูดปากต่อปาก ถามว่าใครพิสูจน์ได้ ยิ่งบ้านของตนแล้ว แวะมาดูแลและทำความสะอาดตลอด เพิ่งไม่อยู่แค่ไม่กี่ปีย่อมมีความเสื่อมโทรมตามสภาพเป็นธรรมดา
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า จากการสอบถามข้อมูลยังพบอีกว่าต้นตระกูลของเจ้าของบ้านถือว่าไม่ธรรมดา พ่อเป็นเจ้าของธุรกิจค้าขายชื่อดังในพื้นที่ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ส่วนแม่เป็นต้นตระกูลของนามสกุล 'เตโช' หรือต้นตระกูลเจ้าเมืองของ อ.เรณูนคร จ.นครพนม หลังแต่งงานสร้างครอบครัวมีลูกทั้งหมด 9 คน ซึ่งลูกรับราชการทั้งหมด
ภาพข่าว พงศ์สุคนธ์ คุณธรรมมงคล จ.นครพนม