'จุดความร้อน' ทั่วไทยทรงตัว 867 จุด เพชรบูรณ์-ป่าอนุรักษ์ พบมากที่สุด
GISTDA เผย "จุดความร้อน" ทั่วไทยทรงตัวอยู่ที่ 867 จุด เพชรบูรณ์-ป่าอนุรักษ์ พบมากที่สุด สาเหตุส่วนหนึ่งที่จุดความร้อนไทยลดลงมาจากหลายพื้นที่ตอนบนเกิดฝนตก เนื่องจาก "พายุฤดูร้อน"
GISTDA สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) เผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของวันที่ 23 เมษายน 2566 ไทยพบ "จุดความร้อน" ลดลงเหลือ 867 จุด สาเหตุส่วนหนึ่งที่ จุดความร้อนไทย ลดลงมาจากหลายพื้นที่ตอนบนเกิดฝนตก เนื่องจาก "พายุฤดูร้อน"
ขณะที่ "จุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้าน" อย่าง สปป.ลาว ครองอันดับหนึ่งอยู่ที่ 3,139 จุด, พม่า 888 จุด, เวียดนาม 463 จุด, กัมพูชา 160 จุด และ มาเลเซีย 56 จุด
ข้อมูลจากดาวเทียมระบุอีกว่า "จุดความร้อนในประเทศไทยวานนี้" พบในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 256 จุด, ป่าสงวนแห่งชาติ 233 จุด, พื้นที่เกษตร 210 จุด, พื้นที่ชุมชนอื่นๆ 93 จุด, พื้นที่เขต สปก. 65 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 10 จุด
จังหวัดที่พบ "จุดความร้อน" มากที่สุด คือ
- เพชรบูรณ์ 98 จุด
- แพร่ 59 จุด
- น่าน 57 จุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
สิ่งหนึ่งที่ต้องเฝ้าระวังที่มักจะมากับเหตุการณ์ไฟป่า และ "จุดความร้อน" คือ PM 2.5 สถานการณ์จุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านอาจส่งผลให้เกิด PM 2.5 ได้ในพื้นที่บริเวณชายแดนเนื่องจากได้รับอิทธิพลจากกระแสลมที่จะพัดผ่านเข้ามา ประกอบกับภูมิประเทศทางภาคเหนือของไทยมีลักษณะเป็นหุบเขาแอ่งกระทะ จึงมีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกับการพัดและการเคลื่อนตัวของกระแสลมในพื้นที่เป็นสำคัญ
ปัญหาไฟป่าหมอกควัน ส่งผลกระทบให้กับระบบต่างๆ ของประเทศมาโดยตลอด โดยเฉพาะระบบเศรษฐกิจ ระบบสังคม และสิ่งแวดล้อม ดังนั้น ในอนาคตอันใกล้นี้ ประเทศไทยกำลังจะได้ใช้ระบบ THEOS-2 อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่ง 1 ในภารกิจสำคัญของระบบนี้ คือการสำรวจ วิเคราะห์ และติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นหรือคาดว่าจะเกิดขึ้น ได้อย่างแม่นยำและทันท่วงที เพื่อการสนับสนุนข้อมูลสำคัญให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำข้อมูลไปใช้วางแผน ป้องกัน บรรเทา และแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม รายละเอียดข้อมูลเฉพาะพื้นที่ท่านสามารถติดตามจากหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบโดยตรง GISTDA ยังคงติดตามและรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นข้อมูลให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้บริหารจัดการในพื้นที่
ท่านสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://fire.gistda.or.th หรือ ติดตามข้อมูลจาก https://fire.gistda.or.th/dashboard.html และควรติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ผ่านแอปพลิเคชัน "เช็คฝุ่น"