โผล่อีก แม่เชื่อลูกเหยื่อ 'แอม' วางยา 'ไซยาไนด์' หลังเจอได้เพียงวันเดียวดับ
โผล่อีกราย! แม่เผยลูกสาวตายหลังเจอ 'แอม' ได้เพียงวันเดียว คาดถูกวางยา 'ไซยาไนด์' พบการเสียชีวิตคล้ายกับทุกเคสที่เป็นข่าว เชื่อปมเหตุมาจากเรื่องทรัพย์สิน
สืบเนื่องจากกรณีข่าวดัง นางสรารัตน์ หรือ 'แอม' เมีย รอง ผกก. ที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ น.ส.ศิริพร หรือ ก้อย อายุ 32 ปี เพื่อนสนิท โดยถูกตำรวจจับกุมในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน หลังผลการสืบสวนสอบสวนพบมีการใช้ยา 'ไซยาไนด์' (Cyanide) ทำให้เสียชีวิต อีกทั้งยังส่อจะกลายเป็นคดี 'ฆาตกรรมต่อเนื่อง' หลังพบมีการเสียชีวิตในลักษณะคล้ายกันอีกกว่า 10 ศพ โดยแต่ละรายที่เสียชีวิตนั้นล้วนรู้จักและสนิทกับแอม
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- 'ไซยาไนด์' คืออะไร อันตรายมากแค่ไหน? เช็กอาการเมื่อพิษเข้าสู่ร่างกาย
- อัปเดต 'แอม' แฉวิธีเลือกเหยื่อ เค้นอดีตผัว รอง ผกก. แบกหนี้ เร่งสืบไซยาไนด์
- ตอบชัด! 'หมอแล็บแพนด้า' เผย 'ไซยาไนด์' มีพิษสูง อันตรายร้ายถึงขั้นเสียชีวิต
ล่าสุด (27 เมษายน 2566) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับ นางลัดดา (สงวนนามสกุล) อายุ 64 ปี ชาวบ้านหมู่ที่ 1 ต.นาบ่อคำ อ.เมือง จ.กำแพงเพชร ซึ่งเป็นแม่ของ นางสาวมณฑาทิพย์ (สงวนนามสกุล) หรือ ทราย อายุ 37 ปี ที่เสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 7 กรกฏาคม 2558 ที่กรุงเทพฯ โดยผลชันสูตรระบุสาเหตุการเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน และทางครอบครัวได้บำเพ็ญกุศลและฌาปนกิจศพที่กรุงเทพฯ ซึ่งจากข่าวดังกล่าวทำให้แม่ผู้ตายเชื่อว่าลูกสาวตนน่าจะเป็นอีกหนึ่งในผู้เสียชีวิตที่โดนวางยา 'ไซยาไนด์' หลังเคยสนิทกับ นางสรารัตน์ หรือ 'แอม'
นางลัดดา ได้เปิดเผยว่า ลูกสาวตนไปใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงเทพฯ และมีความสนิทสนมกับ 'แอม' ลูกตนชอบทำบุญซึ่งก็จะมีแอมไปด้วย โดยตลอดระยะเวลาที่คบหาเป็นเพื่อนกันลูกสาวตนคอยช่วยเหลือแอมในทุกๆเรื่องโดยเฉพาะเรื่องเงิน หากแอมเดือดร้อนก็จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ ซึ่งแอมเองก็มักจะยืมเงินลูกสาวตนตลอดเวลา ครั้งละประมาณ 50,000 ขึ้นไป แต่ก็ไม่เคยที่จะใช้คืนแม้แต่ครั้งเดียว ลูกสาวตนก็ไม่เคยบ่นหรือทวงคืนแต่อย่างใด มีแต่ให้ตลอด
ซึ่งก่อนจะเสียชีวิตลูกสาวไปอยู่กับสามีที่ต่างประเทศประมาณ 3 ปี และจะเดินทางกลับมายังประเทศไทย แอมก็ได้อาสาไปรับกลับมาจากสนามบินและมาส่งบ้านในช่วงเช้ามืด จากนั้นไม่นานก็มาทราบข่าวว่าลูกสาวตนเสียชีวิตที่กรุงเทพฯ ซึ่งตั้งแต่ลูกสาวเสียชีวิตจนกระทั่งฌาปนกิจแอมไม่เคยมาร่วมงานหรือเข้ามาแสดงความเสียใจเลย หลังจากฌาปนกิจศพแล้วตนเคยโทรไปหาแอม แต่แอมพูดจาไม่ดีใส่และตัดสายทิ้ง โดยตนเคยถามเรื่องทรัพย์สินของของลูกสาวจากแอม แต่แอมก็อ้างว่าสามีของลูกสาวตนให้แอมนำไปประมูลขาย แล้วจากนั้นก็ตัดสายทิ้งไป
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ตนยังคงค้างคาใจต่อสาเหตุการเสียชีวิตของลูกสาวมาตลอดระยะเวลา 7 ปี จนกระทั่งมาทราบข่าวว่า 'แอม' ถูกดำเนินคดีในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และสาเหตุการเสียชีวิตในแต่ละรายก็คล้ายกับลูกสาวของตน และทุกรายก็มีความใกล้ชิดแอมเหมือนกันอีกก่อนจะเสียชีวิต ตนรู้สึกโล่งใจและเสียใจว่าทำไมต้องมาทำกันขนาดนี้ หากแอมมายกมือไหว้ขอโทษหรือขออโหสิกรรมตนก็ไม่ยกโทษให้ และขอให้ได้รับโทษตามที่กระทำให้ถึงที่สุด
โดย พิพัฒน์ จงมีความสุข จ.กำแพงเพชร