สธ. ปรับแนวทางผ่าชันสูตรศพ หลังเกิดคดี 'แอม ไซยาไนด์'
สธ.ปรับแนวทางผ่าชันสูตรศพ หลังเกิดคดี "แอม ไซยาไนด์" กรณีศพที่ไม่สามารถระบุถึงการเสียชีวิตแท้จริงได้ และไม่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่าย เพื่อสร้างความชัดเจนและนำไปสู่การป้องกันเหตุ หรือสืบหาต้นตอการตาย
เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2566 นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ หัวหน้าที่ปรึกษาระดับกระทรวง (นพ.ทรงคุณวุฒิระดับ 11) และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่เกิดคดีฆาตกรรมต่อเนื่องด้วยการใช้ยา "ไซยาไนด์" โดยผู้ต้องหา "แอม ไซยาไนด์" กระทรวงสาธารณสุขได้มีการปรับแนวทางในการชันสูตรพลิกศพ
โดยให้แพทย์ทำการผ่าชันสูตรทุกศพที่ไม่สามารถระบุถึงการเสียชีวิตที่แท้จริงได้ และไม่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่าย เพื่อสร้างความชัดเจนและนำไปสู่การป้องกันเหตุ หรือสืบหาต้นตอของการเสียชีวิตได้
สำหรับการตรวจหาสารไซยาไนด์ หน่วยงานของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ทั่วประเทศ สามารถตรวจวิเคราะห์ยืนยันไซยาไนด์ในตัวอย่างน้ำล้างกระเพาะ อาหาร วัตถุต้องสงสัย ได้ในระยะเวลา 5-7 วันทำการ
ส่วนการหาปริมาณไซยาไนด์ในตัวอย่างเลือด ใช้ระยะเวลา 22-30 วันทำการ และการหาปริมาณเมตาบอไลด์ในตัวอย่างปัสสาวะใช้ระยะเวลา 5-10 วันทำการ
ทั้งนี้ สารไซยาไนด์ เป็นสารเคมีที่มีความเป็นพิษสูงมาก พบได้ 2 รูปแบบ คือ
- ลักษณะของแข็ง เรียกว่า เกลือไซยาไนด์ เป็นโซเดียมไซยาไนด์ หรือ โปแตสเซียมไซยาไนด์
- ลักษณะของก๊าซ เรียกว่า ไฮโดรเจนไซยาไนด์
ซึ่งเมื่อได้รับเข้าสู่ร่างกายจะไปยับยั้งขบวนการทำงานของเซลล์ ทำให้เกิดภาวะขาดออกซิเจน มีผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด ทำให้ความดันโลหิตตก รวมถึงเกิดภาวะสมองขาดออกซิเจน ส่งผลทำให้ชักหรือหมดสติ และมีการหายใจช้าถึงหยุดหายใจ
นอกจากนี้ ยังพบได้ตามธรรมชาติในพืชบางชนิด เช่น มันสำปะหลัง สบู่ดำ หน่อไม้ ถั่วลิมา อัลมอนด์ชนิดขม โดยอยู่ในรูปไซยาโนไกลโคไซด์ต่างๆ กัน หากรับประทานในปริมาณมากๆ อาจเกิดการสะสมเป็นพิษได้ โดยเฉพาะหน่อไม้หมักดอง และมันสำปะหลัง จึงควรต้องทำความสะอาดและทำให้สุกก่อนรับประทาน
นพ.รุ่งเรือง ยังได้กล่าวถึงกรณีข่าวการฆาตกรรมโดยใช้ไซยาไนด์ ซึ่งมีผู้ตั้งประเด็นคำถามถึงเรื่องการชันสูตรพลิกศพที่ตายผิดธรรมชาติ ว่า กระบวนการและขั้นตอนการพิสูจน์ศพ เมื่อพนักงานสอบสวนไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ จะแจ้งแพทย์ไปร่วมตรวจสอบด้วย โดยอำนาจในการตัดสินใจผ่าพิสูจน์ศพเป็นของพนักงานสอบสวน
อย่างไรก็ดี ในฐานะหัวหน้าทีมชันสูตรพลิกศพในที่เกิดเหตุ ซึ่งจะให้มีการผ่าพิสูจน์เมื่อแพทย์ไม่สามารถหาสาเหตุการตายที่ชัดเจนได้และเป็นการตายที่ผิดธรรมชาติ 5 ลักษณะ ได้แก่
- การฆ่าตัวตาย
- ถูกผู้อื่นทำให้ตาย
- สัตว์ทำร้าย
- ตายโดยอุบัติเหตุ
- ตายโดยไม่ปรากฎเหตุ
แต่หากญาติไม่ติดใจการตาย และพนักงานสอบสวนเห็นด้วยกับญาติ ก็จะไม่มีการส่งผ่าพิสูจน์ โดยแพทย์จะทำความเห็นเบื้องต้น เขียนใบรายงานชันสูตรพลิกศพในที่เกิดเหตุ และออกหนังสือรับรองการตาย เพื่อให้ญาตินำศพไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ซึ่งจะระบุเหตุผลการเสียชีวิตกว้างๆ เช่น ระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลว หรือหัวใจวายเฉียบพลัน เนื่องจากไม่มีร่องรอยบาดแผล ถูกทำร้าย หรือฆ่าตัวตาย