รวบเจ้าของบัญชีม้า ที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ใช้หลอกเหยื่อ โอนเงิน 43 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวน อาชญากรรมทางเทคโนโลยี 4 จ.เชียงใหม่ ได้นำหมาย จับของศาลอาญาธนบุรีที่ จ. 323/2566 ลงวันที่ 9 พฤษภาคม 2566 เข้าจับกุมตัว น.ส. นารีรัตน์ อายุ 24 ปี ได้ที่ ห้องพัก การเคหะเอื้ออาทรเจ้าแม่กวนอิม (ตึก 12 ) ตำบลป่าแดดในตัวเมืองเชียงใหม่ ในฐานความผิด

"ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น" จากนั้นได้นำตัว ผู้ต้องหา มาลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่สถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ ก่อนที่จะคุมตัวผู้ต้องหา ส่งกลับไปให้พนักงานสอบสวน กก. 4 สอท. 1 กทม.ดำเนินคดีตามกฎหมาย

ทั้งนี้ ก่อนหน้านั้นเมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ได้มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้เข้าไปหลอกลวงเหยื่อ ผู้เสียหายรายหนึ่ง ในพื้นที่ จ.ชลบุรี จนเหยื่อหลงเชื่อ ก่อนที่จะโอนเงินสดในบัญชีจำนวน 43 ล้านบาท เข้าบัญชีม้าของผู้ต้องหารายนี้ เมื่ออยู่เหยื่อมารู้ตัวอีกทีว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง ถึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน

ต่อมาทางพนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติต่อศาลออกหมายจับและทราบตัวผู้ต้องหา เจ้าของบัญชีม้า ได้พักอาศัย อยู่ใน พื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ จึง ประสานตำรวจไซเบอร์เจ้าของพื้นที่ เข้าจับกุมตัวได้ในช่วงบ่ายของวันนี้ (1 มิ.ย.66)

 

ด้าน น.ส. นารีรัตน์ฯ ผู้ต้องหา เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนขอให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาเนื่องจากตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในบัญชีม้าดังกล่าว พร้อมกับนำสำเนาบันทึกการแจ้งความเอาไว้เป็นหลักฐานมาให้ผู้สื่อข่าวดูว่า เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2565 ตนได้ทำ สมุดบัญชีธนาคารกรุงไทยสาขาพะเยา (ชื่อของตน) และสมุดบัญชีธนาคารออมสิน สาขา เซ็นทรัล แอร์พอร์ตเชียงใหม่ (ชื่อของแฟน) ตกหายบริเวณสี่แยกหนองหอย ท้องที่ตำบลหนองหอย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

จึงได้เข้าไปแจ้งความเป็นหลักฐานเอาไว้ที่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรแม่ปิงเมืองเชียงใหม่ เอาไว้เป็นหลักฐาน จนต่อมาช่วงบ่ายวันนี้ มาทราบว่าตนมีหมายจับ จาก ศาลศาลอาญาธนบุรีที่จจาน 323/2566 ลงวันที่ 9 พฤษภาคม 2566 ว่ามีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ นำบัญชีของตนไปทำเป็นบัญชีม้า หลอกลวงเหยื่อ โอนเงินเข้ามาบัญชีถึง 43 ล้านบาท ซึ่งตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยซึ่งจะขอต่อสู้คดีให้ถึงที่สุดต่อไป