กฎหมายไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์ : บทเรียนที่เกาะหลีเป๊ะ
เกาะหลีเป๊ะ เป็นเกาะเล็กๆ ขนาดประมาณ 3 ตารางกิโลเมตร ในทะเลอันดามัน ใต้สุดของประเทศไทย อยู่ห่างจากท่าเรือปากบารา จังหวัดสตูล ประมาณ 70 กิโลเมตร มีชนชาวพื้นเมืองที่เป็นชาวเล อุลากาโว้ย ตั้งถิ่นฐานอยู่
เกาะหลีเป๊ะ สภาพธรรมชาติเป็นพื้นราบ ล้อมรอบด้วยน้ำทะเลใสสะอาด มีชายหาดที่สวยงามหลายหาด มีแนวปะการังสวยงามรอบเกาะ
กฎหมายที่เป็นปัญหา
* เมื่อปี พ.ศ .2517 ได้มีการตราพระราชกฤษฎีกา ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติพ.ศ. 2504 เรียกว่าพระราชกฤษฎีกา กำหนดบริเวณที่ดินเกาะตะรุเตา เกาะอาดัง เกาะราวีและเกาะอื่นฯในท้องที่ตำบลเกาะสาหร่าย อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2517
บริเวณที่ดินที่กำหนดให้เป็นอุทยานแห่งชาติ ครอบคลุมเกาะหลีเป๊ะ ด้วย โดยมีเหตุผล เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและธรรมชาติบริเวณเกาะเหล่านั้นมิให้ถูกทำลายหรือเปลี่ยนสภาพไป เพื่อประโยชน์ในการพักผ่อนหย่อนใจของประชาชน เรียกกันโยทั่วไปว่าอุทยานแห่งชาติตะรุเตา
* ในปี 2535 ได้มีการตรากฎกระทรวง ฉบับที่35 (พ.ศ.2535)ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคารพ.ศ.2522 กำหนดบริเวณ1 พื้นที่เกาะหลีเป๊ะบริเวณวัดจากแนวชายฝั่งของทะเลของเกาะหลีเป๊ะเข้าไปในแผ่นดิน 50 เมตร ตลอดแนวชายฝั่งห้ามสร้างอาคารใดๆ
เว้นแต่อาคารที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยวชั้นเดียว ความสูงไม่เกิน 6 เมตร พื้นที่อาคารรวมกันไม่เกิน 75 ตารางเมตร อาคารแต่ละหลังต้องห่างกันไม่น้อยกว่า 5 เมตร ห่างจากเขตที่ดินของผู้อื่นไม่น้อยกว่า 2 เมตร มีที่ว่างรอบอาคารไม่น้อยกว่าร้อยละ75 ของที่ดินที่ขออนุญาตก่อสร้างอาคาร
บริเวณ 2 คือพื้นที่ในเกาะหลีเป๊ะเว้นแต่บริเวณ1 ห้ามก่อสร้างอาคารใดฯเส้นแต่ อาคารอยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยวไม่เกินสองชั้นมีความสูงไม่เกิน 9 เมตร พื้นที่อาคารรวมกันไม่เกิน 150 ตารางเมตร และมีที่ว่างรอบอาคารไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของที่ดินที่ขออนุญาตก่อสร้าง
ผลจากการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่เป็นนโยบายสำคัญของรัฐ ประกอบกับเกาะหลีเป๊ะ มีความสวยงามของท้องทะเล มีหาดทรายที่สวย เป็นแหล่งปะการังที่สวยงาม จึงดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศไปท่องเที่ยวพักผ่อนเพิ่มขึ้นทุกปี
นอกจากนี้ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ก็ได้สนับสนุนแผนของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ตามกรอบของอาเซียน
โดยร่วมกับประเทศอาเซียนอีกเก้าประเทศ ดึงดูดนักท่องเที่ยวในประเทศอาเซียนมาเที่ยวประเทศไทยในจังหวัดสตูลและใกล้เคียงมากขึ้น ซึ่งจะเพิ่มนักท่องเที่ยวเข้าพักผ่อนท่องเที่ยวที่เกาะหลีเป๊ะมากขึ้น
จากสถิติของท่องเที่ยวจังหวักสตูล ช่วงวันที่ 15 ตุลาคม 2564 ถึงวันที่ 8 พฤษภาคม 2565 มีนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศเดินทางไปเที่ยวเกาะหลีเป๊ะผ่านท่าเทียบเรือปากบาราประมาณ 140,000 คน
สภาพสังคมและเศรษฐกิจของ เกาะหลีเป๊ะจึง เปลี่ยนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวปีละหลายแสนคน จำเป็นต้องมีการก่อสร้าง ที่พักและสถานที่อำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวรองรับให้พอเพียง
จึงมีผู้ประกอบธุรกิจลงทุนก่อสร้างโรงแรม รีสอร์ท ร้านอาหาร รองรับนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น ณ เดือนมกราคม 2566 มีที่พัก โรงแรม รีสอร์ท บนเกาะหลีเป๊ะ 109 แห่ง เปิดกิจการอยู่ 98 แห่ง ทั้ง 98 แห่งไม่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการโรงแรม
ปัญหา การประกอบกิจการที่พัก โรงแรม รีสอร์ท บนเกาะหลีเปะ จากการลงทุนของเอกชน ที่เป็นกิจการที่ส่งเสริมสนับสนุนการท่องเที่ยว ของเกาะหลีเป๊ะ และของจังหวัดสตูล ที่เป็นการสร้างรายได้ สร้างงานให้แก่บุคลในท้องที่
ประสบปัญหาสำคัญสองประการจากพระราชกฤษฎีกากำนดเขตอุทยานตะรุเตาที่ตราไว้และกฎกระทรวงควบคุมการก่อสร้างดังกล่าวมาข้างต้นคือ
1. ที่ดินที่ใช้สร้างที่พัก โรงแรม รีสอร์ท ที่ครอบครองอยู่หรือที่ซื้อต่อมา เป็นที่ดินที่มีกรรมสิทธิ์หรือมีสิทธิครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย เมื่อกำหนดเขตอุทยานตะรุเตาหรือไม่และเป็นการรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติหรือไม่
2 ผู้ประกอบการต้องการขออนุญาตก่อสร้าง ขออนุญาตประกอบกิจการโรงแรมให้ถูกต้อตามกฎหมาย เพราะไม่ต้องการเกิดปัญหากับกิจการที่ใช้เงินลงทุนไปมาก
แต่ถูกจำกัดด้วยกฎกระทรวง ฉบับที่ 35 (พ.ศ.2535) ที่มีข้อจำกัดไม่สามารถขออนุญาตก่อสร้างอาคารลักษณะที่ใช้เป็นที่พักแรม หรือทำโรงแรมได้ จึงไม่อาจขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงแรมได้
จากปัญหาดังกล่าว ทำให้ขณะนี้ผู้ประกอบการกำลังเผชิญกับปัญหาจะมีการบังคับใช้กฎหมายให้รื้อถอนอาคาร ที่รุกล้ำที่อุทยานแห่งชาติและก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต
ตามกฎกระทรวงฉบับที่35 ที่ออกใช้บังคับตั้งแต่ปี 2535 เป็นข้อจำกัดที่ไม่เปิดช่องให้ขออนุญาตก่อสร้างอาคาร เพื่อประกอบกิจการโรงแรมให้ถูกต้องตามกฎหมาย ได้
ซึ่งไม่สอดคล้องกับนโยบายการส่งเสริมการท่องเที่ยวของภาครัฐ และสภาพการณ์ของเกาะหลีเป๊ะเปลี่ยนไปเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว ที่จำเป็นต้องมีที่พักแรม และร้านอาหารรองรับ
จากข้อเท็จจริงดังกล่าว เห็นได้ว่าพระราชกฤษฎีกาและกฎกระทรวงดังกล่าวไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์ ของเกาะหลีเป๊ะ ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่จำเป็นต้องมีสถานที่พักแรมและร้านอาหารรองรับ
การบังคับใช้พระราชกฤษฎีกา และกฎกระทรวงดังกล่าวกับผู้ประกอบธุรกิจกิจการที่พัก โรงแรม รีสอร์ท บนเกาะหลีเป๊ะ เมื่อพิจารณาจากประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่ได้จากการท่องเที่ยวแล้ว
การบังคับใช้กฎหมายที่ให้ผู้ประกอบธุรกิจ รื้อสิ่งก่อสร้างโดยไม่พิจารณาแก้ไขหรือปรับปรุงกฎหมายดังกล่าวให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ น่าจะเป็นการปฏิบัติที่ไม่สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หมวด 6 แนวนโยบายแห่งรัฐ มาตรา77 วรรคหนึ่งที่บัญญัติว่า
รัฐพึงจัดให้มีกฎหมายเพียงเท่าที่จําเป็น และยกเลิกหรือปรับปรุงกฎหมายที่หมดความจําเป็นหรือไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์ หรือที่เป็นอุปสรรคต่อการดํารงชีวิตหรือการประกอบอาชีพโดยไม่ชักช้า
เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ประชาชน และดําเนินการให้ประชาชนเข้าถึงตัวบทกฎหมายต่าง ๆ ได้โดยสะดวกและสามารถเข้าใจกฎหมายได้ง่ายเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้อง และเป็นการฝ่าฝืนต่อมาตรา 25 มาตรา 40 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยด้วย
ความเห็น
ปัญหาที่เกิดขึ้นที่เกาะหลีเป๊ะดังกล่าว เกิดจากบทบัญญัติของพระราชกฤษฎีกาและกฎกระทรวงที่ไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 77 วรรคหนึ่ง
จึงเป็นหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ต้องดำเนินการให้มีการแก้ไขปรับปรุงพระราชกฤษฎีกาและกฎกระทรวงดังกล่าว ให้ผู้ประกอบธุรกิจสามารถประกอบธุรกิจ ที่เป็นประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวและประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ
และยังคงเจตนารมณ์ในการักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม และอยู่ร่วมกับชุมชนของเกาะหลีเป๊ะด้วยความเกื้อกูลซึ่งกันและกันได้ โดยไม่ชักช้าเพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ประชาชน ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญมาตรา 77 วรรคหนึ่งดังกล่าว
การปล่อยปละละเลยไม่ดำเนินแก้ไขพระราชกฤษฎีกาและกฎกระทรวงที่มีปัญหาอาจถูกพิจารณาได้ว่าเป็นการละเลยหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติ