ตูมสนั่น! 'แก๊สระเบิด' ในอาคารจัดเลี้ยงโรงแรมที่ราชบุรี คนงานเจ็บ 4
ตูมสนั่น! 'แก๊สระเบิด' ในอาคารจัดเลี้ยงของโรงแรมที่ราชบุรีพังยับ คนงานบาดเจ็บ 4 ราย เบื้องต้นคาดสาเหตุลืมปิดแก๊ส
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 20 มิถุนายน 2566 ร.ต.อ.พิพัฒย์ แป้งหอม ร้อยเวร สภ.เมืองราชบุรี ได้รับแจ้งเหตุ 'แก๊สระเบิด' ในพื้นที่ ต.ห้วยไผ่ อ.เมือง จ.ราชบุรี มีผู้บาดเจ็บหลายราย จึงประสานขอรถดับเพลิงจาก อบต.ห้วยไผ่ ให้เข้าไปทำการฉีดน้ำดับเพลิง พร้อมทั้งรายงานให้ พล.ต.ต.วชิรพงษ์ อมราพิทักษ์ ผบก.ภ.จว.ราชบุรี พ.ต.อ.ไพบูลย์ แพรสีนวล ผกก.สภ.เมืองราชบุรี และนายสุธีร์ เล้าสุบินประเสริฐ นายอำเภอเมืองราชบุรี ได้รับทราบ ก่อนจะเดินทางไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิประชานุกูล และเจ้าหน้าที่มูลนิธิปฐมบรมราชานุสรณ์
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบว่า เป็นอาคารจัดเลี้ยงโรงแรมที่อยู่ในด้าน มีสภาพพังยับเยิน เศษซากอาคารปลิวกระจายไปทั่วบริเวณ นอกจากนี้ยังมีห้องกระจกที่อยู่ใกล้กันแตกกระจาย ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 4 ราย เป็นชาย 1 ราย ทราบชื่อคือนายประภาศ ชัยสุวรรณ อายุ 42 ปี และหญิง 3 ราย คือ นางสาวสมบูรณ์ อวบอิ่ม อายุ 50 ปี , น.ส.ทองล่า รัตนวงศ์ อายุ 50 ปี และนางอัมพร คำม่อมท้าว อายุ 51 ปี
โดยทั้งหมดเป็นคนงานที่อยู่ในอาคารจัดเลี้ยงดังกล่าว ได้รับบาดเจ็บถูกไฟคลอกตามร่างกาย เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯต้องรีบปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนจะนำส่งโรงพยาบาลราชบุรีเป็นการด่วน
จากการสอบถามชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงในจุดเกิดเหตุ เล่าให้ฟังว่า ได้ยินเสียงระเบิดดังมาก หลังจากนั้นก็มีทุกอย่างปลิวออกมา และมีคนเจ็บวิ่งออกมามีเลือดออกตามตัว
ด้าน นายอำนวย พระลักษณ์ นายกอบต.ห้วยไผ่ ซึ่งมาคอยสั่งการเจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่นำรถเข้ามาช่วยดับเพลิงที่ยังหลงเหลืออยู่ด้านใน เผยว่า เบื้องต้นสาเหตุน่าจะเป็นถังแก๊สขนาดใหญ่ ซึ่งมีน้ำหนัก 45 กิโลกรัม เกิดระเบิด ซึ่งแรงอัดทำให้อาคารพังถล่มลงมา นอกจากนี้ยังมีห้องกระจกใกล้กับอาคารจัดเลี้ยงแตกกระจายเกลื่อน ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องกันพื้นที่ไว้เป็นพื้นที่อันตราย
ขณะที่ นายสุธีร์ เล้าสุบินประเสริฐ นายอำเภอเมืองราชบุรี ซึ่งได้เดินทางมาดูแลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เปิดเผยว่า ทราบว่าสาเหตุมาจากถังแก๊สที่คนงานทำงานอาหารแล้วลืมปิดแก๊สจึงเกิดการระเบิดขึ้น ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ 4 ราย ทั้งนี้ได้สั่งปิดกั้นพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อันตรายห้ามเข้า เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เข้าตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป