รวบสาวหล่อ แอดมินเว็บพนันคาด่านอรัญฯ อีกรายสาวหนีคดีฉ้อโกงสมุทรปราการ

กรณีจับ 2 สาวคดีฉาว พ.ต.อ.รุ่ง ทองมนต์ ผู้กำกับการ กองบังคับการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จ.สระแก้ว ได้รับการประสานจากพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จ.สระแก้ว วันที่ 3 กันยายน 2566 เวลา 14.30 น. ช่วยสกัดจับ น.ส.วราภรณ์ อายุ 27 ปี ชาว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ที่ จ.2593/2566 ลงวันที่ 17 สิงหาคม 2566 

กระทำความผิดฐานร่วมกันจัดให้มีการเล่นพนันเอาทรัพย์สินกันทางอิเล็กทรอนิกส์ (พนันออนไลน์) โดยไม่ได้รับอนุญาตและร่วมกันฟอกเงิน

โดยแอดมินเพจเว็บพนันออนไลน์เว็บหนึ่ง ซึ่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ สืบทราบว่า น.ส.วราภรณ์ ซึ่งหลบหนีหมายจับของศาลอาญา ไปทำงานเป็นพนักงานออนไลน์ในบ่อนกาสิโนแห่งหนึ่ง ในฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา และกำลังจะเดินทางกลับเข้าประเทศไทยในวันนี้

จากนั้น พ.ต.อ.รุ่งได้ประสาน พ.ต.อ.พัฒนชัย ภมรพิบูลย์ ผู้กำกับการ สภ.คลองลึก , พ.ต.ท.จิรพัฒน์ เขียวศิริ สารวัตรสถานีตำรวจท่องเที่ยว จ.สระแก้ว และกองร้อยทหารพรานที่ 1302 ชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 13 ร่วมกันไปเฝ้าตรวจบริเวณอาคารผู้โดยสารขาเข้าราชอาณาจักร ด่านตรวจคนเข้าเมืองอรัญประเทศ จ.สระแก้ว 

 

 

กระทั่งตรวจพบน.ส.วราภรณ์ หน้าตาและตำหนิรูปพรรณตรงตามหมายจับ จึงเข้าควบคุมตัวไว้ได้ เบื้องต้น วราภรณ์รับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง ก่อนนำตัวมาลงบันทึกประจำวัน พร้อมแจ้งการจับกุมไปยังพนักงานอัยการจังหวัดสระแก้วและ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภออรัญประเทศ จ.สระแก้ว ตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย ก่อนควบคุมตัวไปส่งให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินคดีตามหมายจับของศาลอาญาต่อไป

นอกจากนั้น ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน เจ้าหน้าที่ ตม.สระแก้ว ยังสามารถจับกุมผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับของศาลเพิ่มเติมอีก 1 ราย ที่อาคารผู้โดยสารขาเข้า จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึกฯ ขณะเดินทางเข้าประเทศไทย 

จากการตรวจสอบ พบว่า ผู้ต้องหารายดังกล่าวคือ น.ส.ฟาริดา อายุ 26 ปี สัญชาติไทย เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลแขวงสมุทรปราการ ที่ 1448/2566 ลงวันที่ 18 กรกฎาคม 2566 ซึ่งได้กระทำความผิดฐาน ความผิดฐานฉ้อโกง โดยหลบหนีไปซุกซ่อนอยู่ฝั่งกัมพูชาระยะหนึ่ง 

ผู้ต้องหายอมรับว่า เป็นบุคคลตามหมายจับจริง จึงควบคุมตัวไปทำบันทึกจับกุมและส่งตัวให้ศาลแขวงสมุทรปราการ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย จากนั้นส่งศาลแขวงสมุทรปราการ เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย