กทม. เตรียมรับมือ PM2.5 ผนึกกำลังเครือข่าย WFH ช่วงฝุ่นสูง

กทม. เตรียมรับมือ PM2.5 ผนึกกำลังเครือข่าย WFH ช่วงฝุ่นสูง

กทม. เตรียมรับมือ PM2.5 ผนึกกำลังเครือข่าย WFH ช่วงฝุ่นสูง เข้มงวดแหล่งกำเนิดฝุ่นต่อเนื่อง เอาจริงเรื่องลดการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม

วันนี้ (18 ก.ย. 66) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงการรับมือสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ภายหลังการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 20/2566 ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) ว่า  เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการประชุมคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในกรุงเทพมหานคร ในหลายมิติ ตั้งแต่เรื่องการพยากรณ์ โดยได้ประสานงานกับกรมควบคุมมลพิษ กรมอุตุนิยมวิทยา ในการปรับโมเดล เนื่องจากการพยากรณ์เป็นเรื่องที่สำคัญในการเตรียมการรับมือ ในส่วนของกรุงเทพมหานครได้ทำแอปพลิเคชัน ซึ่งใกล้สำเร็จ 100% พร้อมทั้งประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง รวมถึงได้มีการเชื่อมโยงถึงโครงการ Work from home ในช่วงที่ฝุ่นเยอะ ซึ่งจะมีเครือข่ายที่ร่วม Work from home เพื่อลดการใช้รถและทำงานที่บ้านด้วย

สำหรับการจำกัดต้นตอฝุ่น มี 3 เรื่อง คือ  

  • โรงงานอุตสาหกรรม ได้มีการหารือกับกรมโรงงานอุตสาหกรรมแล้ว มีโรงงานทั้งหมดประมาณ 5,000 แห่งในกรุงเทพมหานคร แต่ที่มีความเสี่ยงในการใช้เชื้อเพลิงที่อาจก่อให้เกิด PM2.5 ประมาณ 500 แห่ง ซึ่งได้มีการประสานงานและขอรายชื่อ ตำแหน่งพิกัด และเข้าไปตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ และมีโรงงานอยู่ 4 แห่ง ที่เฝ้าติดตามปล่องว่าปล่อย PM 2.5 เท่าใด (real time) โดยจะส่งสัญญาณมาที่กทม. เพื่อที่จะสามารถติดตามโรงงานทั้ง 4 แห่งนี้ และสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมรวมถึงแพล้นปูนก็ได้ดำเนินการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องมาตลอด 
  • รถยนต์ เป็นเรื่องที่ต้องหารือกับทางรัฐบาลด้วย เพราะจะมีการปรับรถยนต์ให้เป็นมาตรฐานยูโร 5 ตามกำหนดการคือต้นปีหน้า รวมทั้งมาตรฐานน้ำมันที่เป็นยูโร 5 เช่นกัน ทั้งนี้ต้องให้รัฐบาลเป็นผู้ผลักดันให้เป็นไปตามแผนเดิม ขณะเดียวกันในส่วนของกทม. ก็ต้องร่วมมือกับตำรวจและกรมการขนส่งทางบก ในการตรวจควันดำให้มากขึ้น ไม่เน้นตรวจบนถนน แต่เน้นตรวจที่ต้นทาง/จุดหมายปลายทาง เช่น แพล้นปูน ไซส์ก่อสร้าง ให้มากขึ้น 
     
  • การเผาชีวมวล เป็นประเด็นที่ต้องร่วมมือกับทางรัฐบาลในแง่ของการลดชีวมวลทั้งข้าวและอ้อย ในส่วนของต่างประเทศต้องมีการให้หารือกับประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ กัมพูชา ลาว และเมียนมา ด้านกทม. ได้รับการจัดสรรงบประมาณปี 2567 ในการจัดซื้อเครื่องอัดฟางเพิ่มเติม 3 ชุดรวมรถแทรกเตอร์ เพื่อช่วยเกษตรกรอัดฟางไปขายได้โดยที่ไม่ต้องเผา ซึ่งเป็นสิ่งที่นายกสมาคมชาวนาหนองจอกขอร้องมา 

มีคำถามว่าสถานการณ์ปีนี้จะทวีความรุนแรงหรือดีขึ้นเพราะมีปรากฏการณ์เอลนีโญ ก็มี 2 แนวคิดว่าเอลนีโญจะทำให้ฝุ่นไม่เยอะ อากาศโปร่ง ส่วนอีกแนวคิดหนึ่งคือ เมื่อแล้งจะเกิดการเผาชีวมวลมาก แต่ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาคือจะมีฝุ่นเยอะ ฉะนั้นจึงต้องเตรียมรับมือให้พร้อม

ในส่วนของการดูแลกลุ่มเปราะบางของโรงเรียน ได้มีการซื้อและติดเครื่องฟอกอากาศในกลุ่มเด็กเล็ก ซึ่งเป็นคนละโครงการกับการติดแอร์ในห้องเรียน โดยในศูนย์เด็กเล็กเราติดตั้งเครื่องฟอกอากาศแล้ว ตอนนี้จะติดตั้งเพิ่มในโรงเรียน โดยเริ่มที่ชั้นเด็กเล็ก คืออนุบาล สำหรับกลุ่มเด็กโต จะเป็นการเตรียมหน้ากาก จำกัดการเข้าพื้นที่ รวมถึงการแจ้งเตือนภัย เหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่ได้ดำเนินการตามแผนที่วางไว้ 

สำหรับมาตรการแผนแม่บทต้องมีการหารือกับนายกรัฐมนตรี เพราะถือเป็นเรื่องที่สำคัญ หากทุกส่วนช่วยกันน่าจะได้ผลดีขึ้น ส่วนเรื่องห้องเรียนปลอดฝุ่นจะเริ่มที่การหาภาคเอกชนมาทำ CSR เพื่อทดสอบก่อน