DSI สั่งฟ้อง 'แม่มณี' กับพวกรวม 31 ราย ชักชวนลงทุน เสียหาย 227 ล้านบาท

DSI สั่งฟ้อง 'แม่มณี' กับพวกรวม 31 ราย ชักชวนลงทุน เสียหาย 227 ล้านบาท

อธิบดี DSI มีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา นางสาววันทนีย์ หรือแม่มณี กับพวก รวม 31 ราย ชักชวนให้ร่วมลงทุน “แชร์แม่มณี” มูลค่าความเสียหาย 227,452,365.05 บาท

วันนี้ (28 ก.ย. 66) ตามที่กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ DSI ได้ทำการสอบสวนคดีพิเศษที่ 9/2563 กรณี นางสาววันทนีย์ หรือ แม่มณี กับพวกรวม 31 ราย ได้ร่วมกันหลอกลวงผู้อื่นด้วยการโฆษณาในสังคมออนไลน์ เฟซบุ๊กชื่อ “มณีรัตน์ สุรางค์มธุรสธรรมสว่างกุล” “Nadear Wanthanee” “มั่งมี ศรีสุข บารมี เพิ่มพูน” และ “ฝากยอดต่ออนาคต”

โดยการโพสต์ข้อความและถ่ายทอดสดในเฟซบุ๊กว่า "รับฝากเงินออมเงิน" วงละ 1,000 บาท ตกลงจะให้ผลตอบแทนร้อยละ 93 ต่อเดือน ของเงินลงทุน ระยะเวลาฝาก 1 เดือน จ่ายคืนทั้งต้นและดอก โดยมีรูปแบบการลงทุน คือชักชวนให้นำเงินมาออมไว้กับแม่มณี เสนอให้ผลตอบแทน 93% เมื่อครบกำหนด 1 เดือน

 

นอกจากนี้ ยังมีการประกาศให้ลงทุน และให้ผลตอบแทนอีกหลายอัตรา ซึ่งคิดผลตอบแทนที่เสนอให้เป็นอัตราตั้งแต่ร้อยละ 1,116 บาท จนถึง 3,040.45 บาทต่อปี ซึ่งถือว่าเกินกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงินจะพึงจ่ายได้ ซึ่งทั้งหมดกระทำไปเพื่อจูงใจให้ประชาชนเกิดความสนใจและมีความมั่นใจในการนำเงินมาร่วมลงทุนกับพวกตนเอง

โดยกลุ่มผู้ต้องหาไม่ได้นำเงินที่ลงทุนไปใช้ในการลงทุนที่ถูกต้องตามกฎหมายที่จะนำรายได้ตามที่ได้ประกาศไปนำมาจ่ายให้กับผู้ลงทุนได้ แต่ทำไปเพื่อนำเงินของผู้หลงเชื่อลงทุนรายใหม่ ๆ และรายเก่า ๆ ที่ลงทุนซ้ำมาหมุนเวียนจ่ายให้กับผู้ลงทุนรายก่อน ๆ หรือผู้ลงทุนรายปัจจุบันที่ครบกำหนดรับเงินปันผลและเงินลงทุนคืนในแต่ละวัน โดยการชักชวนนี้ทำให้ประชาชนหลายพันคน รวมทั้งผู้ร่วมลงทุนในคดีนี้จำนวน 1,133 ราย หลงเชื่อส่งมอบเงินลงทุนไปยังกลุ่มผู้ต้องหากับพวก ทำให้ประชาชนทั่วไป สูญเสียเงินที่ลงทุนไปและได้รับ ความเสียหายเท่าจำนวนที่ไม่ได้รับกลับ จำนวน 227,452,365.05 บาท

บัดนี้ การสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว ทางคดีมีพยานหลักฐานพอฟ้อง โดยอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มีความเห็นควรสั่งฟ้อง ผู้ต้องหา จำนวน 31 ราย ในความผิดฐาน “ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันฉ้อโกงประชาชน” ตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 4 มาตรา 12 และตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 มาตรา 343 ประกอบมาตรา 83 และขอให้พนักงานอัยการร้องขอต่อศาล

ให้เรียกทรัพย์สินและเงินต้นหรือราคาแทนผู้เสียหาย จากผู้ต้องหาทั้ง 31 ราย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43 และพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 มาตรา 9 โดยพันตำรวจตรี วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ได้มอบหมายให้ นางนันท์นภัส เกยุราพันธุ์ ผู้อำนวยการส่วนคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ 1 และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ นำสำนวนการสอบสวนคดีพิเศษ จำนวน 133 แฟ้ม จำนวน 50,857 แผ่น พร้อมตัวผู้ต้องหา ส่งพนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ในวันที่ 27 กันยายน 2566 เพื่อพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป